นับจากวันแรกที่เข้ามาอยู่โรงเรียนบ้านแม่นาจางเหนือ 10 มกราคม 2551(เหนือจากความตั้งใจแต่แรกเริ่ม เพราะเดิมที กะจะเลือกโรงเรียนบ้านดงใหม่ ต.ห้วยห้อม อ.แม่ลาน้อย แม่ฮ่องสอน ) มีอาคารเรียน สปจ.มส.5/36 อยู่ หนึ่งหลัง ห้องน้ำห้องส้วม 2 หลัง อาคารเรียนชั่วคราว แบบ ชบส.(ชาวบ้านสร้าง) 1 หลัง เป็นห้องเรียนสามห้อง และโรงอาหารอีกห้อง ติดโรงอาหารมีต้นส้มโอ 2 ต้น ออกลูกดกหนาเต็มต้นจนกิ่งโน้มลงดิน ถัดไปเป็นบ้านพักฟากไม้ไผ่ (แบบ ชบส. เช่นกัน) ด้านหน้ามีระเบียงชมจันทร์ ยามค่ำคืนคงงดงามมิน้อย หน้าบ้านติดป้ายบ้านพักผู้อำนวยการ ในโรงเรียนมีครู 3 คน (หญิง 2 ชาย 1) โดยครูผู้หญิงนอนในอาคาร 5/36 ส่วนครูผู้ชาย นอนที่อาคารของ อบต. ซึ่งทางโรงเรียนขอใช้เป็นอาคารเรียนของเด็กอนุบาล อยู่กันเป็นสัดส่วนตามสภาพที่พอจะมีได้ สนามกีฬาจากเดิมเป็นเนินดินเตี้ยๆ ก็ได้รับการปรับพื้นที่ โดย อบต.แม่นาจาง ซึ่งมีสภาพที่สวยงาม และน่าใช้งาน (บนดอยมีสนามเช่นนี้ได้ถือว่าดีมากแล้ว) สภาพดิน น้ำ อุดมสมบูรณ์ดีมาก ที่สำคัญ หน้าฝนมีละอองหมอกเกือบค่อนวัน เวลาเดินผ่าน ขนคิ้วเปียกฉ่ำด้วยน้ำหมอกพรม
คืนแรกของผู้มาใหม่ มีงานเลี้ยงรับ ผอ. พี่น้องเพื่อนพ้องในศูนย์ฯแม่ขีด(ชื่อศูนย์ในขณะนั้น) มากันครบหน้า ทุกคนดื่มกินกันพอสมควร ตกดึกก็แยกย้ายกันกลับ บ้างก็เข้าไปนอนในหมู่บ้าน บ้างก็นอนโรงเรียน บางรายก็กลับฐานที่มั่น ครูแม่ขีด ครูกอกหลวง อยู่ไกล จึงเลือกที่จะนอนที่นี่ เจ้าภาพช่วยกันดูแลแขกเป็นอย่างดี คุณครูผู้หญิงอยู่ดูแลผู้มาเยือนซึ่งกำลังติดลม 2-3 คน จนวงเลิก ส่วนคณะที่มาส่งจากบริพัตร แยกหลับตามเต็นท์ที่คุณครูจัดให้ มีเสียงกรน สูง -ต่ำ สลับกันมิขาดสาย เป็นเมโลดี้ที่ลงตัว ดังระงมดอย คนที่ไม่ชินก็จะบ่นว่าหนวกหู ส่วนใครที่เคยก็ป่วยการที่จะเอ่ยปาก อาการหนักและน่าเป็นห่วงที่สุดคือ พี่เอ็ดดี้ สุภาพบุรุษแห่ง กลุ่มสาระ กอท.ของเรา นอนละเมอ ....ไม่ มี ปัญ หา า า....เด๋ว ผมจัดให้......... เป็นระยะๆ จวบจนฟ้าสาง ด้วยระยะทางที่ยาวไกลและกันดาร ด้วยฤทธิ์เมรัยที่รุ่มร้อนและซาบซ่าน ส่งผลให้ทุกคนเข้านอน ด้วยความสงบ และหลับสนิท .............
ผมกวาดสายตามองรอบทิศ คิดว่ายามนี้คงไม่มีใครแล้ว และกำลังจะเดินขึ้นไปบ้านพักผู้อำนวยการ (แบบ ชบส.) พลันก็ได้ยินเสียง
"ผอ. ดื่มเป๋นเจ้าหมู่ เฮาน้อย" ชายคนแรกเอ่ย
"ผมไม่ไหวแล้วครับบบ..." ผมรีบออกตัว เพราะไม่ไหวจริงๆ ง่วงและเพลียมาก
"ฮาว่า ผอ. คนนี้ บ่า เกิน 2 ปี๋ กะย้าย" ชายอีกคน รีบพูด พร้อมกรอกเบียร์ลงคอ ดัง อึก ๆ ๆ
ผมหยุด พร้อมกลับหลังหันให้บ้านพักประจำตำแหน่ง (ชบส.)และเริ่มเปิดเวทีประชาคม รับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้าน (ก็มีมา ณ กาลครั้งนั้น)
พวกเราสามคน ก่อกองไฟ ดื่มบรรยากาศ สนทนา รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน ทุกคนมีรายละเอียด มีความคิดที่มากมุม และแตกต่าง จนดาวลับฟ้าเกือบดวงสุดท้าย ฟืนมอดเป็นเถ้าผุยขาว เสื่อปูนั่งชุ่มชื้นด้วยละอองหมอก
....ทุกคนมีความแตกต่าง แต่เรามีสิ่งหนึ่งที่ตรงกัน ................
....ปับ ๆ ๆ เสียงไก่หัวบ้าน ข้างโรงสี ตีปีกปับๆๆ และโก่งคอขัน เป็นเหตุให้ตัวอื่นๆ ขันรับช่วงต่อกันเป็นทอดๆ จากหัวยันท้ายบ้าน ฟากฟ้าทางตะวันออก ระหว่างช่องอกของยอดดอยทั้งสอง มองจากโรงเรียนเห็นทะมึนใหญ่ เริ่มสว่างทีละนิดทีละน้อยแล้ว ต้นมะตึ๋งข้างอาคารโดนลมต้องยามเช้า ติงใบอย่างนวลนุ่ม พร้อมกับไหวใบต้องแสงเป็นมันวาบ เป็นระยะๆ
"เราจะช่วยกันพัฒนาให้แม่นาจางเหนือ ให้เหนือยิ่งๆ ขึ้นไป"
สิ้นเสียงแว่วจำนรร กองไฟก็เดียวดาย เราแยกย้ายกันพักผ่อน เป็นคืนแรกที่แม่นาจางเหนือ ที่ผมมีกำลังใจดีที่สุด
สิ้นเสียงแว่วจำนรร กองไฟก็เดียวดาย เราแยกย้ายกันพักผ่อน เป็นคืนแรกที่แม่นาจางเหนือ ที่ผมมีกำลังใจดีที่สุด
....เราจะช่วยกัน พัฒนาให้แม่นาจางเหนือ เหนือยิ่งๆ ขึ่นไป........