
.............3 ปี 20 วัน เห็นจะได้ ที่ได้ย้ายมาอยู่โรงเรียนบ้านแม่นาจางเหนือ เป็น 3 ปี ที่เต็มไปด้วยไฟฝัน
.............เป็น 3 ปี ที่มุ่งมั่น ทุ่มเท และจริงจัง
.............เป็น 3 ปี ที่งดงามและเรียบง่ายเฉกเช่นดอกหญ้า ที่ระย้าเอนไหวลู่เล่นกับสายลม
.............เป็น 3 ปี ที่ทำเพื่อจางเจือความขมขื่น และทุกข์ทน จากความเขินขาดโอกาสดีๆ ที่คนคนหนึ่งจะพึงมี พึงได้ เฉกเช่น สามัญชนคนทั่วไป
..............เป็น 3 ปี ที่เมามาย สับสน เหนื่อยล้า ทดท้อ กับหลุมบ่อของชีวิตในบางจังหวะเวลา
..............เป็น 3 ปี ที่แอบสะอื้นไห้ ยามที่ผู้คนหลับไหล กับความขมขื่นและเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์ที่ได้สัมผัสและยลยิน
..............เป็น 3 ปี ที่เป็นอะไร ต่อมิอะไร ซึ่งมิอาจเอื้อนเอ่ย หรือกล่าวขานให้ครอบคลุม ความเป็นไปได้ทั้งหมด แต่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า....... เป็น 3 ปี ที่มีความสุขมากที่สุด ทั้งในฐานะผู้นำ ผู้ตาม และเพื่อนร่วมทางกับมิตรสหาย จากทั่วทุกสารทิศ
.............เป็น 3 ปี ที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจและจะจารจด ไปอีกนานแสนนาน

.........ข่าวการทาบทามผม ให้ย้ายไปอยู่โรงเรียนใหม่ ดังหนาหูขึ้นทุกวัน ครูน้อย คนแล้วคนเล่าสอบถามมิได้ขาด ชาวบ้าน ผู้เฒ่า ผู้หนุ่ม แม่เฮือน จับกลุ่มผิงไฟและพูดคุยเรื่องนี้ พอๆกับเรื่องขายข้าวโพดได้กำไร เรือนแสน หลักล้าน ผู้หลัก ผู้ใหญ่ในสำนักงานเขต ได้ทาบทามทั้งทางตรงและโดยอ้อม พร้อมๆ กับรอการตัดสินใจจากผม อย่างช้า ปลายเดือนมกรานี้ ดังนั้นช่วงนี้เวลาไปไหนมาไหน จึงมิพลาดที่จะมีเรื่องนี้เป็นประโยคต้นๆของการสนทนาระหว่างผมและมิตรผู้พานพบ.... มันจึงเป็นแรงเค้นบีบรัดตัวอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
.......ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น แต่ที่รับรู้คือความจุกตัน ทับแน่นในอก และมืดตึบรอบด้าน ซึ่งก็พยายามหาเหตุผลประกอบการตัดสินใจจากทุกฝ่ายให้มากที่สุด เพราะการตัดสินใจของผมจากนี้ไป จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญครั้งหนึ่งของชีวิตข้าราชการครู
........ใช่สิ ฟากหนึ่งคือ ความก้าวหน้า เป็นใหญ่ เป็นโตและมีหน้าตาทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงเรียนใหม่ที่จะเลือกไปนั้น หากบริหารจัดการให้ดีจะเป็นฐานที่มั่นและเป็นบันไดไปสู่ความก้าวหน้าของชีวิตราชการได้ (อย่างไม่ยากเย็นนัก)
.........แต่อีกฟากหนึ่ง คือ ครอบครัว อันได้แก่ ลูกสาว เมียขวัญ ว่าไปแล้วครอบครัวนั้น เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดแต่ก็สำคัญที่สุดเช่นกัน เพราะสังคมที่มีคุณภาพอย่างแท้จริงนั้น มิอาจปฏิเสธได้ว่า เกิดมาจากหน่วยที่มีคุณภาพเล็กๆที่สุด อย่างครอบครัว ผมสอนลูกชาวบ้านเป็นพันเป็นหมื่นให้เป็นคนดีได้ แต่เวลาที่จะสอนลูกเพียงคนของตน ให้รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี และมีมโนธรรมพื้นฐานเยี่ยงมนุษย์คนหนึ่งจะพึงมี ไม่ได้นั้น มันก็เป็นความโหดร้ายที่ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง สำหรับเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่พึงจะได้รับ ในฐานะที่เป็นก้อนชีวิตของผม..........

...............2-3 วันที่ผ่านมา ผมจมปลักและดำดิ่งกับห้วงคำนึงเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก กินไม่ได้ นอนไม่ยอมหลับ เดินไปไหนมาไหนเหม่อลอย คิดวกไปวนมา วานซืนตอนกลางคืน หลังกลับจากงานกีฬาตำบล ที่โรงเรียนบ้านหนองม่วน ได้ติดรถครูเควินพร้อมๆกับน้องๆ อีก 7-9 คน รถพาเราเลื้อยล้อไต่ตามสันดอย วกมาวนไป ดอยลูกแล้วลูกเล่าก็ยังไม่ถึงโรงเรียน เฉกเช่นความคิดคำนึงที่เวียนวนในบ่วง หาทางออกไม่เจอ..... พระจันทร์กลมมน โผล่หน้าแย้มแสงนวลใยเหนือคาคบไม้ฟากดอย ด้านตะวันออก นกป่ากลางคืนเริ่มบินออกรวงรัง ส่งเสียงกังวานแว่ว เพื่อหากินยามรัตติกาล ในที่สุดรถก็พาเราคลานขึ้นดอยสูงที่บ้านกอกหลวง และเลื้อยต่ำลง ๆ เรื่อย ๆ จนถึงโรงเรียนในที่สุดใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงเต็ม รู้สึกเพลียกับการเดินทาง จึงหาที่ซุกกายภายใต้อ้อมกอดอันอบอุ่นของคืนค่ำ ยามเหนือย ล้าและเหงาๆ เช่นนี้ การได้อยู่กับตนเอง ดื่มด่ำกับธรรมชาติภายใน และฟังเสียงเล็กๆ รอบกายบ้าง ช่างเป็นคีตศิลป์ที่รัญจวนใจในคืนค่ำอันเหน็บหนาวยิ่งนัก
.......โรงเรียนเงียบผิดสังเกต เพราะน้องๆ พากันไปกินข้าวและเสวนาในหมู่บ้าน พื้นที่ 20 กว่าไร่กับการสถิตย์กายของใครเพียงคน พร้อมๆ กับหมาน้อย อีก 2-3 ตัว จึงฉายภาพความวิเวก วังเวงได้อย่างจับใจ ผมเอนหลังพิงเพลิงพักโรงทอผ้าของเด็กๆ นั่งดีดกรีดสายลายพิณ ตามห้วงจังหวะอารมณ์ภายใน ความสับสน ความจุกตัน บีบเค้น ผสมความเหงาเดียวดาย ต่อหนทางที่จะต้องตัดสินใจเดินไปข้างหน้า ทำให้ความอ่อนแอและความอ่อนไหวภายใน กลั่นน้ำใสๆ ซึมร่วงรดสายพิณ โดยมิรู้ตัว ........
.......นานมากแล้วหนอที่เราไม่ได้อยู่กับตัวเอง ไม่ได้ทบทวนตนเอง ว่าแท้จริงแล้วเป้าหมายของชีวิตคืออะไร จะไปสู่จุดไหน ใช่การมียศฐา มีหน้ามีตา มีความมั่นคง เป็นใหญ่เป็นโตแต่แห้งแล้งความสุขจากภายในกระนั้นหรือ หรือการเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย แต่อิ่มเอมสุขล้นจากการเข้าถึงสภาวธรรม
.......เกือบยามสองแล้ว นกเค้าแมวกู่เสียงร้องลุ่มป่าข้างโรงทอ หมาน้อยเห่าชาวบ้านที่กลับจากไปล่าสัตว์ทางบ้านแม่ฮ้อยเป็นสายสุดทาง น้องๆ คณะครูในโรงเรียนทยอยกลับจากหมู่บ้าน ต่างคนต่างแยกย้ายเข้าพักหลับนอนตามความประสงค์และข้อจำกัดของสังขาร เสียงพิณยังร่ายเพลงอยู่มิขาดเส้น น้ำหมอกลงพรมพื้นสนามหนาจนแทบมองไม่เห็น ความยะเยือกเย็นกำลังมาเยือนและทวีความเหน็บหนาวยิ่งขึ้น ดวงจันทร์เคลื่อนเลยกลางหัวแล้ว แต่แสงของมันยังงดงามและนวลนุ่มเช่นเดิม ดึกดื่นเช่นนี้...ความงดงามเช่นนี้...มีให้เห็นอยู่เสมอ แต่ที่ผ่านมา 3 ปี เราแทบไม่มีโอกาสที่จะนั่งชมชื่น ไม่กล้าแม้จะอยู่นิ่งหรืออยู่กับที่ ด้วยความกลัวว่า การอยู่นิ่งกับตนเองนั้น จะทำให้ล้าหลังผู้อื่น
.........3 ปีที่ผ่านมา จึงอาจเป็นก้าวและการวิ่งเข้าสู่ลู่ของการแข่งขัน เพื่อให้ได้มาในบางสิ่งบางอย่าง แต่ขณะเดียวกัน การได้มานั้น ก็ทำให้เกิดการขาดหายหรือตกหล่นจากการเข้าถึงความงดงามภายในไป แท้ท้ายสุดแล้ว เส้นชัยที่เราจะไปให้ถึงนั้นคืออะไร ใช่ยศฐาบรรดาศักดิ์ ทรัพย์สิน เงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ หรือ การมี และร่ำรวยอริยทรัพย์ภายใน กันแน่ ...........
................ผืนป่า ยืนนิ่ง สงัดลม เสียงพิณก็จางเสียงลง ก่อนหน้า ......ขอบพระคุณธรรมะ ขอบพระคุณธรรมชาติและดงดอยที่ทำให้การเดินทางของผมช้าลงและเริ่มมั่นใจกับแนวทาง ผมมีคำตอบให้มวลมิตรที่พานพบ ก่อนสิ้นเดือนมกรานี้แล้ว ขอบพระคุณจริงๆ
........................บนดอยเดือนหงาย
........................ยามหมอกทอสายพรมดิน
........................ได้เห็นได้ยลยิน
.........................แม้สายลมหนาวจะเปลี่ยนทิศ
.........................แต่ดวงจิตไม่เปลี่ยนแปลง
เขียนได้อารมณี ดีขอรับ
ตอบลบเรามีเสรีภาพ พร้อม ด้วยความรับผิดชอบ
ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ก็ต้องรับผิดชอบ
ไปตามนั้น อุดมการณ์ คุณค่า ต่าง ๆ ล้วนแต่เป็นเปลือก
จิตวิญญาณเป็นแก่น
พึ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน เพราะชีวิตนอกจากการทำงานที่ต้องแข่งขันกับเวลาว่างแล้ว
ตอบลบบวกกับสังคมและสิ่งรอบข้างทำให้เวลาเปิดอินเตอร์เน็ตขึ้นมาจะตั้งหน้าตั้งตาไปที่ Social Network มากกว่า อ่านแล้วได้อารมณืดีจังครับ
เทือกเขาขุนฟ้ากว้าง จะมีใครบ้างแลเห็นหา
ถือคติอุดมการ์ณ เพื่อสานฝันเสรีบนดอย
ขอบคุณครับ คุณ คุณานนท์ ความรู้สึกขณะนั้น ผสมกับสภาพบริบทที่บีบคั้น บางคราวก็เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้บ้าง ครับ ผมชอบและขอปรับนิดหน่อยนะครับ "เทือกเขา ขุนฟ้ากว้าง มีใครบ้างแลเห็นหัน ถือคติอุดมการณ์ สืบสานฝัน คนสันภู" ร่วมแจมนะครับ
ลบ