วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความจริงของเวลา

หลายคน...ฝากความหวังไว้กับพรุ่งนี้
หลายคน...จ่อมจมอยู่กับวันวาน อยากให้ความสุขที่เลยผ่าน ย้อนคืนมาใหม่
หลายคน...มีิเงินร้อย เงินพัน ก็อยากได้เงินแสน
หลายคน...มีกระท่อม ก็อยากได้ คฤหาสน์ใหญ่ไว้นอนตากอากาศ หรือตีพุง
หลายคน...มีหน้าที่ ตำแหน่ง ก็อยากจะมีให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป
บางคน  ...ไม่ได้คิด
ผมเอง   ...ก็ไม่ได้คิด ไม่ได้คิด แม้ในมุมง่ายๆ ของเวลา แต่มีความสำคัญยิ่งว่า
  "ทุกคน...เหลือเวลาชีวิต น้อยลงทุกที"


          พิณ คืนเพ็ญ
               

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ป้อน..คำถาม

พ่อ : เมนูเด็ด อร่อยมาก
ลูก : อาไร
พ่อ : เกี๊ยวต้มยำ พิเศษ มีผักเยอะด้วย
ลูก : ผักไร
พ่อ : ผักบุ้ง ถั่วงอก หอม
ลูก : กินทำไม
พ่อ : กินผัก จะทำให้ผิวสวยและตาหวาน
ลูก : ผักบุ้ง?
พ่อ : ช่ายยย ...หม่ำเร้ววว

ลูกสาวหยิบช้อนตักผัก แล้วพูดว่า...

ลูก : มา ลูกจะป้อนพ่อ
พ่อ : ป้อนผักไร
ลูก : ผักบุ้ง
พ่อ : พ่อกินแล้ว ลูกกินเถอะ
ลูก : กินเมื่อไร
พ่อ : เมื่อกี้เนี่ย
ลูก : อ้าว หรอ...
พ่อ : ทำไมเหรอคะ
ลูก : ไ่ม่เห็นพ่อ ตาหวานเลย
พ่อ : .........เออ...น่าน....

                 พิณ คืนเพ็ญ
ป้อนข้าวลูกตอนเช้า เจอลูกป้อนคำถามกลับ



วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ดึกฮำฮอน


ดึกแล้ว เมฆาเคลื่อน       
ลมเย็นเยือน ใบกล้วยไหว
ดาวเต่า เลยหัวไกล       
ดาวช้างใหญ่ ปล่อยงวงลา
ฟ้ามืด จางแสงส่อง        
น้ำค้างต้อง ยอดหญ้าหนา
หมอกหนาว พราวล่วงฟ้า  
เปียกขนตา เยือกเสียด ใจ
นกฮูก กรูกกรูกร้อง              
ฟานโขกก้อง กังวานไพร
ดื่นดึก เดี่ยวเดียวดาย      
พิณกรีดสาย ลายฮ่ำฮอน
     
       พิณ คืนเพ็ญ
     ยอดดอยแม่ลิดหลวง
         ก่อนปิดเทอม


     

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เติมต้นเก่า

เก่าตาย มีใหม่เสริม เติมต้นเก่า
คนแก่เฒ่า ล้มหาย ได้ลูกหลาน
"อุดม อินทร"* เกษียณสิ้น วันวัยงาน
สร้างลูกบ้าน "คงพิสิษฐ์"* ชิดทดแทน

ชีวิตจริง คนเรา ก็เท่านี้
ใช่จักมี จีรัง นั่งยึดแท่น
วันนี้มี วันหน้าไป ไกลต่างแดน
ล้วนเปล่าแปน หายหนี ไม่จีรัง

แล้วจะเอา อะไรนัก หนอสูเจ้า
รู้ไหมเล่า ก็เท่านี้ ที่ปลูกฝัง
เก่าตายไป ใหม่แทน ทุกที่ทาง
จิตต้องว่าง วางเว้น เห็นใน ธรรม


       พิณ คืนเพ็ญ
*กรณีวิทยากรอบรมเรื่องกฎหมายฯ ณ บ้านไม้แดง แม่สะเรียง ซึ่งวิทยากรเกษียณอายุราชการพอดี คือ ท่านอุดม อินทรเวชวิไล และมีท่าน คงพิศิษฐ์ ไชยวงศ์ เป็นทีมงานและมาร่วมเป็นวิทยากร ด้วย

สุขสว่าง

สุขสว่าง สร้างสุข ให้สว่าง
วางแนวทาง พัฒนา การศึกษา
อบรมจิต หมั่นพินิจ พิจารณา
เก็บคุณค่า ห้าห้อง ชีวิตคน
ชีวิตคน หนึ่งคน พิจห้าห้อง
หมั่นไตร่ตรอง ลองฝึก ตรึกเหตุผล
สร้างนิสัย ใส่ใจ ในกมล
บ่มเติมตน ให้เต็มคน เปี่ยมล้นธรรม
      
หมอกเช้า เงาน้ำ และความสงบภายใน

.............สู่หนไหน.................

        พิณ คืนเพ็ญ
          เที่ยงวัน
สวนสุขสว่าง เชียงใหม่

ใหญ่-น้อยเป็น

เป็นผู้ใหญ่ ใหญ่ให้เป็น เช่นผู้ใหญ่
ใช่คือใช่ ไม่คือไม่ ได้เหมาะสม
อ่อนอ่อนนอก แข็งภายใน ใจมั่นคง
จิตดำรง คงแน่วมั่น หมั่นภาวนา

เป็นผู้น้อย คอยเป็นเช่นผู้น้อย
ใจอ่อนช้อย อ่อนโยน ฝนศึกษา
ฆ่ากิเลส ในใจ ให้มรณา
จิตสูงค่า ใหญ่น้อยเป็น เห็นในธรรม

         พิณ คืนเพ็ญ
 ยามเช้าอากาศเย็นสบาย
        สวนสุขสว่าง

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อย่า

อย่าชื่นชมคนผิด
อย่าคิดเอาแต่ได้
อย่าใส่ร้ายคนดี
อย่ากล่าววจีมุสา
อย่านินทาพระเจ้า
อย่าขลาดเขลาเมื่อมีทุกข์
อย่าสุขจนลืมตัว
อย่าเกรงกลัวงานหนัก
อย่าพิทักษ์พาลชน
อย่าลืมตน.... เมื่อมั่งมี

     ครับ บทสุภาษิต ดังกล่าว ผมได้มาจากฝาผนังห้องน้ำ โรงเรียนในกลุ่ม แก่้งจันทร์โมเดล จังหวัดเลย คราวไปศึกษาดูงาน เมื่อเดือนที่ผ่านมา...ไม่รู้ดอกว่าใครเขียน รู้แต่ว่าเขาเขียนไว้ได้ดี...
      เขาบอกอย่า ...อย่าทำโน่น อย่าทำนี่ เป็นวลีข้อห้าม ห้ามคิด ห้ามพูด ห้ามทำ ในสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย เห็นแล้วชอบใจ ผมจึงอยากบันทึกไว้เตือน ตน คนเราพอมีหน้าที่การงาน มีภาระความรับผิดชอบ มีอำนาจ วาสนา ยศฐาบันดาศักดิ์ หรือมีหัวโขนสวมใส่ ก็มักมัวเมา หลงลืม และขาดสติ ขาดสติในการพิจารณาตนเองอย่างถ่องแท้ หลงอยู่ในวังวนของอำนาจกิเลส  จึงเป็นเหตุให้อารมณ์ขุ่นมัว หาก ไม่ยั้งคิด และเพ่งพิจในคำว่า อย่า.... ก็จะนำพาจ่อมจมสู่ กองทุกข์ ได้

     โอ...ตนเตือนตน ตั้งตน มีสติ
อย่าหลงริ ชิมลอง กองโลภหลง
อย่ามักใหญ่ ใฝ่ได้ ดั่งจำนง
อย่ายิ้มยง หลงในรัก ปักใจมัว

     ได้อะไร ได้ให้เป็น ไม่เห็นทุกข์
อิ่มอะไร อิ่มให้สุข อย่าทุกข์หัว
อยากอะไร สติตาม เป็นเงาตัว
พิจให้ทั่ว เห็นให้ซึ้ง ถึง แก่นธรรม....
                 
                    พิณ คืนเพ็ญ
                เช้าแดดอุ่น...แม่ลิด

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แด่เจ้าจันผา













จันผาเอย จงบานใบ ให้เขียวเด่น
เจ้าจงเป็น เส้นใย ลูบไล้ผา
โอบหินแกร่ง แข็งทู่ ภูศิลา
เยือกเย็นตา อ่อนนอก กลับแข็งใน

จันผาเอย จงยืนต้น บนภูแล้ง
หยัดรากแทง อุปสรรค ปักไศล
ก่อกำเนิด บนพื้นฐาน กันดารไพร
สร้างงานใหญ่ จุดไฟ ปัญญาคน

จันผาเอย เจ้าจงเป็น เช่นจันผา
ผ่านเวลา ผ่านแดด สิบแปดฝน
ผ่านลมร้อน ผ่านหมอกหม่น ทุกข์ตรอมตรม
ผ่านร้อยขม พันขื่น ยิ่งชื่นบาน
ผ่านร้อยขม พันขื่น ยิ่งบานใบ....

...........................................................
เกริ่นนำในวารสารจันผาสาร โรงเรียนบ้านแม่ลิด 
        จันผา เป็นสัญลักษณ์ของการหยัดยืน อดทนต่อสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก ท่ามกลางภูผาสูงชัน คือข้อจำกัดของการดำรงเผ่าพันธุ์ของ สิ่งมีชีวิตหลายชนิด แต่นั่น ไม่ใช่ จันผา  เพราะจันผา สามารถปรับตัว ต่อสู้ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับสภาพเช่นนั้นให้ได้ มันเป็นเสมือนนัยบางอย่าง ให้เราพิจารณาเห็นในธรรมว่า คนเราต้องเรียนรู้ที่จะดำรงตนอยู่ให้ได้ ในทุกสภาพ เพื่อเข้าถึงสัจธรรม เพราะด่านท้ายสุด ที่มนุษย์ผ่านยากที่สุด ไม่ใช่แดด ลม ฝน หรือปัจจัยภายนอก แต่กลับเป็นสิ่งที่อยู่ภายในตัวเรา นั่นคือ จิต ยิ่งสามารถเรียนรู้ธรรมชาติของจิต อย่างรู้เท่าทัน ได้มากเท่าใด ก็นับวันที่ชีวิตของเรา จะยิ่งเบิกบาน ได้มากเท่านั้น 
      จันผาสาร  มิได้หวังโดดเด่น โลดแล่นในโลกของวรรณกรรม หรือไล่ล่าอามิสสิ่งใด แต่หวังเพียงให้ได้ทำหน้าที่สื่อสาร และกระตุ้นให้คุณได้อ่านมากกว่า สิ่งที่เราได้เขียน  ก็ถือว่า วารสารเล่มนี้ ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างดีที่สุดแล้ว

พิณ คืนเพ็ญ
8 ตุลา 55

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วินัย

เรื่องวินัย อยู่ที่ใจ ใสสะอาด
ผ่องผุดผาด วาดงาม ตามดีสม
สร้างจริยา บวกบรรทัดฐาน ของสังคม
ให้ได้ชม ชื่นชู ว่าครูดี

ท่านอุดม สอนหยอก ทั้งบอกชี้
ให้ครูมี จริยธรรม นำสมัย
ท่านคงพิสิฐ บอกรู้ค่า ข้าราชการไทย
ท่านอัยรินทร์ ให้ใส่ใจ เนื้องานตน

คนสันภู อย่างพวกเรา ขอเกริ่นกร่น
ขอบพระคุณ ท่านสูงล้น เป็นหนักหนา
ที่อุิทิศ ความรู้ และเวลา
สละมา เสริมคุณค่า ราคาครู 
สละมา เสริมคุณค่า ครูแผ่นดิน
  


แทนคำขอบคุณวิทยากร ที่มาอบรมวินัยฯ บ้านไม้แดง สพป.มส. 2