การคิด นับเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ของแต่ละคน ว่ากันว่า คนที่มีประสิทธิภาพทางการคิด มักจะส่งผลให้เกิดประสิทธิผลในการปฏิบัติอยู่เสมอ เพราะการปฏิบัตินั้น มีพื้นฐานโยงใยมาจากการคิดนั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น แทบแยกจากกันไม่ออก ราวกับแฝดอินจัน อะไรก็ไม่ปาน
การคิดนอกกรอบ เป็นวิธีคิดหนึ่ง ในหลาย ๆ วิธีคิด ซึ่งหมายถึง วิธีการ เทคนิค หรือแนวความคิดใหม่อย่างสร้างสรรค์ ที่แปลกและแตกต่างจากแนวความคิดเดิม เพื่อให้เกิดการพัฒนาเป็นแนวทางใหม่ เช่น ผลลัพธ์ของ 1+2+3+4+5 = ? คำตอบโดยทั่วไปคือ 15 ซึ่งอาจเป็นคำตอบที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดนอกกรอบแล้ว คำตอบอาจจะไม่ใช่ 15 ก็ได้ ซึ่งแตกต่างไปจากแนวคิดเดิมที่เราเข้าใจ อย่างไรก็ตาม คนเราจะคุ้นชินกับแนวความคิดแบบเดิม และจำกัดกรอบของคำตอบอยู่แค่นั้น และตัดสินคำตอบอื่นว่า ไม่ถูกบ้าง ไม่เหมาะสมบ้าง เป็นต้น ฉะนั้นแล้ว จึงต้องส่งเสริมการคิดนอกกรอบให้เกิดขึ้นมากๆ เพราะนี่ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการปฏิบัติงานทั้งในฐานะของปัจเจก องค์กร และสังคมได้
เทคนิค วิธการพัฒนาการคิดนอกกรอบ นั้น มีหลายวิธี หาสรุปเท่านั้น เท่านี้มิได้ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ สามารถรวบรวมเพื่อเป็นข้อเสนอเชิงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ ดังนี้
1. กล้าที่จะคิดให้ต่างจากกรอบแนวคิดเดิม
2. คิดหลากหลาย ทั้งเชิงปริมาณ และคุณภาพ เช่น ทางเดินสู่ดอยปุย มีมากกว่าที่เรานึก เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ อยู่เสมอว่า ทุกอย่างมีทางออก มีทางไป อย่างหลากหลาย เราสามารถฝึกฝนให้เข้าถึงเช่นนั้นได้
3. คิดตรงข้าม มองต่างมุม หรือกลับหัวคิด จากแนวคิดเดิม
4. คิดตัด คำว่า “เป็นไม่ได้” “ทำไม่ได้” “ไม่มีทาง” ออกไปจากชีวิต เพราะ คำพูด ความคิด เหล่านี้จะคอยปิดกั้นทางเลือกเชิงสร้างสรรค์ต่างๆ ของตน
5. คิดใหม่ เพื่อสร้างรอยเท้าทางความคิดของตนเอง
6. คิดยืดหยุ่น การยืดหยุ่นทางความคิด คือ อย่าจำกัดด้วยประสบการณ์เดิม พยายามไม่ใช้ประสบการณ์เดิม แต่ให้พิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างทางเลือกให้มากที่สุด และให้นำทางเลือกที่หลากหลายนั้น มาทดสอบในสนามความคิด ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ก่อนตัดสินใจเลือกทางที่เหมาะสมมากที่สุด
7. คิดโดยใช้คำถามว่า ทำไม เพื่อฝึกฝนและพัฒนาตนในการหาคำตอบที่หลากหลาย
8. คิดเปลี่ยน ปัญหา ให้เป็น ปัญญา ทุกๆ โจทย์ปัญหาที่พานพบในชีวิต พยายามคิดและพลิกวิกฤตเหล่านั้น ให้เป็นโอกาสให้ได้ มองปัญหาเหล่านั้น คือโจทย์ทดสอบชีวิตจริงของเรา ผู้ที่จะตอบโจทย์ชีวิตเหล่านั้นได้ คือตัวเรา
9. คิดว่า ตัวเรา คือ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก กว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น เป็นเรื่องยาก ดังนั้น จึงควรเห็นคุณค่าของตนเอง และพยายามดึงศักยภาพที่มีอยู่ออกใช้เชิงสร้างสรรค์
9 อุปสรรค ที่ต้องรู้จัก ก้าวให้พ้น
ปัญหาใหญ่ของสังคมไทย คือ การปิดกั้นทางความคิด จึงทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย โดยเฉพาะการไม่กล้าคิด ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งปรับปรุงและเปิดกว้าง มิเช่นนั้นการพัฒนาความคิด จะหยุดชะงัก สาเหตุที่เป็นอุปสรรค มีดังนี้
1. คิดไม่เป็น ไม่ รู้จักคิดปรับปรุงอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเองหรือคนอื่น ๆ รวมถึงงานที่ทำอยู่ ต้องคอยรับคำสั่ง ต้องมีผู้คอยขีดเส้นให้เดินตามเส้น ไม่สามารถที่จะออกนอกเส้นทางได้ ไม่เช่นนั้นจะหลงทาง ทำอะไรไม่ถูก สมองจะไม่มีการคิดอะไรใหม่ ๆ ไม่เกิดการพัฒนาและเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง
2.ไม่มีความรู้ ไม่มีความรู้ในที่นี้ หมายถึงความรู้ในเรื่องที่ถนัดหรือเฉพาะเจาะจงหรือเฉพาะทาง มนุษย์ทุกคนต่างก็ต้องมีความสามารถ มีความเก่งที่แตกต่างกันออกไป การที่เราไม่มีวามรู้ในเรื่องที่ทำ หรือความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่ง จะทำให้ปิดกั้นความสามารถของตนเองโดยสิ้นเชิง
3.ไม่มีวิสัยทัศน์ หรือจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนแน่นอน จริงจัง รู้ว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร ไม่ใช่ความคิดที่เพ้อฝัน แต่ต้องสามารถกระทำได้จริง
4.ไม่ปรับปรุงตนเอง เท่ากับเป็นการลดระดับความสามารถของตนเอง ประเภทการทำงานประจำ โดย มิได้มีความคิดหรือการพัฒนาอะไรใหม่ ๆ เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพ จัดอยู่ในประเภททำงานเช้าชามเย็นชาม ไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
5.ฉาบฉวย ทำงานไม่จริงจัง ไม่ตั้งใจ จัดในประเภทเก่งแต่พูด ไม่สามารถทำได้ตามที่พูด
6.คดโกง ในใจคิดแต่จะได้ ไม่ว่าจะอย่างไร สิ่งที่ตั้งใจไว้ต้องได้ แม้ว่าจะผิดศีลธรรมก็ยอม
7.คับแคบ มองใกล้ ใฝ่ต่ำ มองโลกในแง่ร้าย ไม่ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น สนใจแต่เรื่องของตัวเอง ทำอย่างไรก็ได้ให้ตนเองพ้นจากข้อตำหนิ กล่าวหา เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นสำคัญ ใครจะเป็นอย่างไร ไม่สนใจ
8. ไม่ทันสมัย เป็นบุคคลที่ไม่ยอมรับรู้หรือยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใด ๆ สอนแค่ไหน ก็ทำตามอยู่แค่นั้น ไม่มีการพัฒนาหรือต่อยอด ค้นคว้าความรู้ใหม่ ๆ
9.ไม่ยอมรับความจริง ไม่วิเคราะห์หรือขาดกำลังใจ หากประสบปัญหาในการทำงาน เช่น ไม่ได้เลื่อนขั้น เป็นต้น จิตใจอาจจะหดหู่ ไม่อยากคิดอะไรแปลกใหม่
ตัวอย่าง การคิดนอกกรอบ จากห้องเรียนชายขอบ บนดอยสูง
ในห้องเรียน ป.3 ครูสาว (เกือบสวย) คนหนึ่งกำลังพยายามสอนนักเรียนในวิชาคณิตศาสตร์
เธอยกตัวอย่างโจทย์ให้ นักเรียนว่า
ครู : "มีนก 3 ตัว เกาะอยู่บนสายไฟ นายพรานเอาปืนยิงโดนนกตัวหนึ่งตกลงมา
จะเหลือนกกี่ตัวบน สายไฟ ?"
ดช.พะแด : "ไม่เหลือเลยครับ" ตอบด้วยแววตาของเด็กที่มีความคิดความอ่าน
ครู : "ไม่ใช่ ไม่ใช่ อ้าว เธอลอง คำนวณดูอีกทีซิ” พร้อมทั้งชูนิ้วขึ้นสามนิ้วประกอบการอธิบาย
"มีนกสามตัว เกาะบนสายไฟ นายพรานยิงไปหนึ่ง"
เธอยกตัวอย่างโจทย์ให้ นักเรียนว่า
ครู : "มีนก 3 ตัว เกาะอยู่บนสายไฟ นายพรานเอาปืนยิงโดนนกตัวหนึ่งตกลงมา
จะเหลือนกกี่ตัวบน สายไฟ ?"
ดช.พะแด : "ไม่เหลือเลยครับ" ตอบด้วยแววตาของเด็กที่มีความคิดความอ่าน
ครู : "ไม่ใช่ ไม่ใช่ อ้าว เธอลอง คำนวณดูอีกทีซิ” พร้อมทั้งชูนิ้วขึ้นสามนิ้วประกอบการอธิบาย
"มีนกสามตัว เกาะบนสายไฟ นายพรานยิงไปหนึ่ง"
ครูพูดจบพร้อมทั้งลดนิ้วลงหนึ่งนิ้ว
"จะมีนกเหลืออยู่บนสายไฟกี่ตัวเอ่ย ?"
"ไม่เหลือเลยครับ" ด.ช.พะแด ตอบย้ำอีก อย่างขึงขัง
ครูชักสงสัยในความมั่นใจของลูกศิษย์
"บอกครูซิ เธอมีเหตุผลอย่างไร ถึงคิดว่าเป็นอย่างนั้น"
"ง่ายมากครับ" ด.ช.พะแด ตอบ
"จะมีนกเหลืออยู่บนสายไฟกี่ตัวเอ่ย ?"
"ไม่เหลือเลยครับ" ด.ช.พะแด ตอบย้ำอีก อย่างขึงขัง
ครูชักสงสัยในความมั่นใจของลูกศิษย์
"บอกครูซิ เธอมีเหตุผลอย่างไร ถึงคิดว่าเป็นอย่างนั้น"
"ง่ายมากครับ" ด.ช.พะแด ตอบ
"เมื่อนายพรานยิงปืนหนึ่งนัด โดนนกหนึ่งตัว นกที่เหลือจะตกใจบินหนีไปหมด"
"อืม ดี ถึงแม้ว่าไม่ถูกต้อง ตามโจทย์และหลักคณิตศาสตร์ แต่ครูชอบวิธีคิดของเธอนะ" ครูตอบ
"เอาอย่างนี้ดีกว่าครับครู ให้ผมถามมั่ง" ด.ช. พะแด เริ่มบ้าง
"มีผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่
ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม
ส่วนผู้หญิงคนที่สามดูดแท่งไอติม ผมถามครูว่า ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว"
"อืม ดี ถึงแม้ว่าไม่ถูกต้อง ตามโจทย์และหลักคณิตศาสตร์ แต่ครูชอบวิธีคิดของเธอนะ" ครูตอบ
"เอาอย่างนี้ดีกว่าครับครู ให้ผมถามมั่ง" ด.ช. พะแด เริ่มบ้าง
"มีผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่
ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม
ส่วนผู้หญิงคนที่สามดูดแท่งไอติม ผมถามครูว่า ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว"
ครูสาวมองหน้า ถึงกับทำหน้าไม่ถูก แต่หน้าครูสาวก็แดงระเรื่อขึ้น แล้วอึ้งไป
"ครู ครู ผมถามอีกทีก็ได้นะ มีผู้หญิงสามคนนั่งบนม้านั่ง
กำลังกินไอติมดุ้นยาวอยู่ ผู้หญิงคนแรกเลียแท่งไอติม ผู้หญิงคนที่สองกัดแท่งไอติม
ส่วนคนที่สามดูดแท่งไอติม ผมถามครูว่า ผู้หญิงคนไหนแต่งงานแล้ว"
"เอาอย่างนี้แล้วกันนะเธอ" ครูตอบเสียงเบาๆ
"ครูว่าผู้หญิงคนที่ดูดไอติมแท่งน่ะ เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว"
"ไม่ใช่ครับครู คนที่แต่งงานแล้ว คือคนที่มีแหวนแต่งงานสวมอยู่ที่นิ้วมือต่างหาก"
ด.ช. พะแด อมยิ้ม พร้อมกับพูดตบท้าย "ถึงครูจะตอบไม่ถูก แต่ผมก็ชอบวิธีคิดของครูนะครับ"
สรุป
จากที่กล่าวมา การคิดนอกกรอบจะสำเร็จหรือไม่นั้น ประการแรกอยู่ที่การเห็นถูก เกี่ยวกับการคิด และได้ลงมือฝึกฝนพัฒนาตนเองเป็นสำคัญ บนพื้นฐานที่ว่า ทุกคนสามารถพัฒนาได้ ซึ่งเทคนิค วิธีการนั้น มีหลากหลาย แต่ละเทคนิค สามารถนำมาปรับประยุกต์ใช้ ให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ สิ่งสำคัญคือ คนเราต้องคิดบ่อยๆ ฝึกฝนอยู่สม่ำเสมอ หากมีการหยุดคิด ก็เท่ากับเป็นการหยุดพัฒนา หยุดความก้าวหน้าของตัวเอง ผู้ที่เป็นครูซึ่งมีหน้าที่จัดการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน จึงจำเป็นต้องพัฒนาการคิดตนเองก่อน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาผู้เรียนอย่างมีประสิทธิผลต่อไป