ครั้งนี้ ท่านเมตตาแจกปฏิทินแก่ลูกศิษย์และศรัทธา สำหรับเขาแล้ว "ปฏิทิน" มีคุณค่าและความหมายเป็นอย่างมาก แน่นอน เบื้องต้น อาจใช้บอก "วันเวลา" แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือ ผู้มีปฏิทินในมื อเช่นเขานั้น ได้ใช้มัน ทำอะไรเชิงสร้างสรรค์ดีงามเต็มที่ เต็มเวลาแล้วหรือยัง นั่นเป็นคำถามที่ครุ่นคำนึงทวนทบสุดทาง ระหว่างนั่ง "รถชีวิต" กลับบ้านเก่า...
เมื่อต้นปี หลังพ้นรั้ววัดแห่งนี้ เขาได้ตั้งจิตตั้งใจเป็นอย่างดีว่า จะประพฤติตนอย่างนั้น อย่างนี้ แต่เอาเข้าจริงๆ หลายอย่างก็ทำได้ แต่บางอย่าง ก็ยังพลั้ง เผลอ พลาด ตามอำนาจ "ใจ" และ "หลง" อยู่ สรุปแล้วก็คือ ยังมิอาจปรับ "เปลี่ยน" ตนเอง ให้ได้ครบถ้วนล้วนหมด ว่างั้นเถอะ
...จนบางที เขารู้สึกเบื่อ และเกลียดตนเองเป็นยิ่ง ที่ "เปลี่ยน" ปรับ พัฒนาตนไม่ได้ ดังตั้งใจไว้ จนรู้สึกหมดสิ้นความหวัง และศรัทธาในตนเอง
...นานกี่นานแล้วหนอ ที่แสงแดด ส่องลำแสงงามทาบทอทาอาบ มวลแมกไม้ในป่าผืนแห่งนี้ มิเกี่ยงร้อนเกี่ยงหนาว มิคร้านท้อสิ้นหวัง แต่มันยังคงปฏิทินแห่งหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น เช่นเดิม จนกว่า ต้นไม้เหล่านั้นจะเติบโต แตกใบ แตกก้าน และร่วงโรย ตามวัฏจักรแห่ง ปฏิทินชีวิต...
เขาก้มลงกราบหลวงพ่อและกราบขอบพระคุณ "ปฏิทิน" ที่ได้รับนั้น หลายต่อหลายครั้ง เขาเข้าใจแล้วว่า เวลาชีวิต สั้นลงๆ จริงๆ ปฏิทินชีวิต จึงควรกางขึง เพื่อเร่งสร้าง เร่งทำ ดุจแสงสุรีย์ฉาย มิเกี่ยงฟ้า เกี่ยงฝน หรือลมหนาว เร่งทำ เร่งเข้า เร่งเข้า เพื่อการเปลี่ยนแปลง เพราะเขาเห็นและเชื่อว่า ผลแห่งการ "เปลี่ยน" นั้น จะแผ่ซ่านความร่มเย็นแก่ตนและสรรพสิ่ง แน่นอน....
................................................