ค่ำแล้วตะวันลงลาเลือนลับ
ขณะกลับระหว่างทางโรงเรียนบ้าน
เพียงแสงดาววาววับระยับนาน
เงียบสงัดราตรีกาลผู้สัญจร
ระหว่างทางข้างไพรใกล้ริมน้ำ
เสียงหริ่งร่ำหรีดร้องก้องสิงขร
รถสาดไฟแสงส่องต้องบังอร
อรชรกระโจนเผ่นเต้นเข้าไพร
บั้นท้ายเต็มเนื้อล้นแกมหม่นขาว
ขนมันวาวน้ำตาลแดงยามแสงได้
สี่ขาเรียวเทียวคล่องท่องกินใบ
ดงแมกไม้เขียวอ่อนป้อนโตตน
ระหว่างทางพบพานในห้วงเสี้ยว
ปีติเดียวแน่นนับคับถนน
ผุดแสงดาวในตารอนแรมชน
รักษาตัวให้พ้นจากภัยพาน
ค่ำแล้วตะวันลาลงเลือนลับ
ขณะกลับระหว่างทางโรงเรียนบ้าน
บางไฟส่องซุ่มไพรอยู่นับนาน
กัมปนาทปืนพรานก็ก้องดอย
....พิณ คืนเพ็ญ...
...31 ตุลาคม 2558...

"เวทีนี้ มีไว้เพื่อบันทึกและบอกเล่าเรื่องราวของคนสันภู ซึ่งเป็นเสมือนยุ้งข้าว คอยเก็บผลผลิตของฤดูกาลแห่งชีวิต ทั้งของตนและคนแรมทาง เป็นมุมเล็กๆมุมหนึ่งในครัวอักษรา แบ่งปันบางอย่าง ให้ได้อ่านคิดคุย มิได้ โดดเด่นดังดี อะไรดอก แค่ได้บอก เชื้อชวน ให้ขบบ้าง ก็เท่านั้น เพราะเชื่อว่า ถ้ายุ้งข้าวนี้ ทำให้คนได้อ่าน มากกว่าสิ่งที่ได้เขียน ก็คิดว่า ได้ทำหน้าที่อย่างยิ่งใหญ่แล้ว ก่อนที่ ถ้อยคำแห่งการพลัดพรากจะผุดเปล่ง ก่อนบทเพลงสุดท้ายแห่งชีวิตจะบรรเลง ตามกฎธรรมดา ก็เท่านั้น"
วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558
ตุลา
ต้นตุลาที่ผ่านมามีหลายสัจ
หนึ่งคือชัดราชการครบเกษียณ
ให้รุ่นใหม่เกิดใหม่ได้ถ่ายเวียน
มาแทนเหง้าที่เก่าเตียนได้ป่งใบ
บ้างเฉลิมยิ้มร่ำกับตำแหน่ง
ดื่มฉลองสองแง่งขึ้นแท่งใหญ่
เจ้านายเอื้อเพื่อนช่วยก็อวยชัย
พวงมาลัยคล้องคอเจ้าพ่อคุณ
บ้างสองขั้นปีต่อปีที่ทำได้
เส้นสายไล้กวาดควักเต็มตักหนุน
เบียดแซงพี่ไล่ตีน้องชุลมุน
เดชะบุญได้เสียบเหยียบโรยรา
บ้างวิ่งซ้ายป่ายขวาตลบตลอด
สอพลอพรอดทำได้ไร้คุณค่า
จัดซื้อจ้างต่างกำหนดหมดราคา
เปอร์เซ็นต์ข้าใครอย่าบ่นเบื้องบนชี้
มะเร็งร้ายเกาะกุมสุมทุกซอก
จะมีดอกอะไรบานได้นี่
จะยืนหยั่งรากกล้า ข้าฯ ภูมี
จะหยัดปลูกต้นอิสรีให้แผ่นดิน
ไม่ระยอบมอบใจให้ดำแง่ง
กล้าขัดแย้งต้านตีประจัญสิ้น
สมกับข้าบริพารแห่งภูมินทร์
ลมตุลาฯ ยังโรยรินหรือสิ้นแล้ว
ลมตุลาฯ ยังโรยรินหรือสิ้นแล้ว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)