วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

แพไม้ไผ่




เช้าวันนี้ได้เข้าสวน มวลแมกใบงามและโตขึ้นมาก ถั่วค้างเลื้อยเต็มร้าน มะเขือก็ออกลูกดกสมบูรณ์ ผักหนามติดทั้งสี่ต้น ปักษาสวรรค์แตกใบได้พุ่มประมาณศอก ผักหวานบ้านก็สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผักคาวตองลงทิ้งไว้ข้างน้ำ ดูพวกมันสดชื่นดี แต่ออกจะยืดหาแสงอย่างเดียว ถ้ามีเวลาตัดแต่งให้ออกพุ่มแตกใบน่าจะเหมาะ หรืออาจเป็นเพราะว่า แสงน้อยเกินไปรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ละต้นเลยกระดืบสูงเข้าหาแสง ชะพลูก็เช่นกัน อยู่ใต้ร่มรำไรของมะละกอ ดูพวกมันเก้งก้างมาก ตัดเตียนจะแตกงาม กล้วยไข่แตกหน่อและลำต้นโตสูง ออกหวีสม่ำเสมอ ที่แปลกตาก็คือ รุ่นนี้ลูกใหญ่กว่าที่เคยมีมา แต่ว่ายังรักษา 4-6 หวีต่อเครือเหมือนเดิม น้อยหน่าพันธุ์ปากช่อง ภาพรวมก็ดี นานไป แสงใบกล้วยจะทำให้มันช้าต่อการเติบโตหาอาหาร อันนี่ต้องเปิดแสงให้พวกเขา

ด้านทางเข้าแปลงกล้วย มีเนื้อที่ว่างอยู่ประมาณ 15 ตารางเมตร ลงมะนาว และผักขจร ไปอย่างละนิดละหน่อย ผักขจรงามมาก มะนาวใบหงิก ถามผู้รู้เขาบอกเป็นโรคแฮงเกอร์ต้องหายามาฉีด เฮ้อโรคในใบสุดท้ายต้องจบลงด้วยยาฆ่าแมลงและสารกระตุ้นเสมอหรือ

ในแปลงกล้วย เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้กระชายป่า มาจากบ้านผาแดง สบโขง ช่วงไปร่วมกิจกรรมจัดมุมประสบการณ์กับคณะครุศาสตร์จุฬาฯ ลองเอามาปลูก ชาวบ้านบอกว่าปลูกง่าย แปะๆ ไว้มันก็ติด ทดลองทำตามเขาว่า ใช่ปลูกง่ายจริงๆ ตอนนี้แตกใบดีมาก ออกทุกเหง้าก็ว่าได้  แต่ว่าหญ้าคลุมสูงมาก บางที่เลยหัวเข่า จนมองไม่เห็นกระชาย หญ้าแรงกว่า ก็เป็นการบ้านข้อใหญ่ อีกเช่นกัน รอคอยสักวันจะได้สะสาง

วันนี้หนูดีมาสวนกับพ่อ พาเธอเดินเล่นหลายจุด มาหยุดกันที่คลองน้ำและแพไม้ไผ่ แพเก่านี้ ตาฤทธิ์เคยใช้สมัยปลูกฟักทองเมื่อปีที่แล้ว บัดนี้ มันนอนแห้งอยู่บนแปลงกล้วย ลองลากลงน้ำ แล้วขึ้นนั่ง เอ่อไปได้ มาได้ เลยให้หนูดีลองมั่ง ผมลากออกมากลางน้ำ เธอขึ้นยืน แรกๆ ก็โครงเครงๆ พอได้จังหวะกันทั้งคนและไม้ไผ่ ก็ไปได้ ผมใช้ไม้ไผ่อีกลำหนึ่ง ดันแพให้ล่องออกไปกลางน้ำ อยากลอยแพเธอบ้าง เพื่อให้เผชิญกับความเป็นจริงว่า สักวันหนึ่ง เธอจะต้องเข้มแข็งพอ ทรงตัวให้ได้กับคลื่นชีวิตลูกแล้วลูกเล่าที่เผชิญ  เมื่อแพลอยออกไปได้สักพัก หนูน้อยชักมีอาการกลัว เธอเรียกให้พ่อเข้าไปช่วย แต่ผมแกล้งเป็นไม่สนใจ ใจก็อยากให้เธออยู่กับลำพังให้ชิน วันหนึ่งที่ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีใคร เธอจะประคับประคองตัวเองได้ก็เท่านั้น

บนแพไม้ไผ่ โจทย์ยังไม่ซับซ้อนหรือยุ่งยากพอ แต่ก็เหมาะสมแล้ว ที่เธอต้องเกี่ยวเก็บประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ จากคูคลอง ก่อนท่องลำนาวาที่ยิ่งใหญ่ต่อไป

            พอขึ้นจากน้ำ พวกเราพากันเดินรอบสวน เธอรบเร้าอยากเป่าลูกโป่งจากยางไม้ เหมือนที่พ่อเคยพาเธอเล่นเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นใช้ยางต้นสบู่ดำ หักก้านยอดอ่อนแล้ว เด็ดใบพับเป็นกระทง รองตรงน้ำยางหยด รอไม่ถึงนาที ก็ได้ปริมาณที่พอใช้ ผมถ่มน้ำลายลงไปในกระทงน้ำยาง จากนั้นก็ผสมให้เข้ากัน เด็ดลำต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่ข้างๆ มา ทำเป็นวงขนาดเท่าเล็บ จากนั้นลองจุ่มให้น้ำยางจับตึงผ่านวง จากนั้น ค่อยๆ เป่าออกไป จะได้ลูกโป่งใส มหัศจรรย์สำหรับเด็กน้อย อยากได้ลูกใหญ่ ลูกเล็ก ก็ลองหาวิธีเป่าดู สนุกมาก ปีนี้ต้นสบู่ดำอยู่อีกฟากสวน เลยลองใช้ยางมะละกอและยางกล้วยดู ปรากฏว่า ไม่ได้ผล สุดท้ายสองพ่อลูกต้องเดินอ้อมสวนไปทางสบู่ดำ และทำเช่นปีที่ผ่านมา เธอเล่นกับลูกโป่งสวรรค์นั้นอยู่นานทีเดียว

  
จะเป่าความฝันให้เทียวท่อง
โบกจินตนาล่องลัดเหลี่ยมเขา
ลิ่วเลาะเลียบน้ำแผ่นงามเงา
สลัดเขลาโกรธชัง จางลอย?

ใช่ง่าย ดังใจคิด จิตวาด
พันประกาศหนึ่งใฝ่ได้สอย
ผัสสาใหม่กระทำซ้ำรอย
เผลอผล็อยก็คล้อยกลับสำทับนั้น

จึ่งเป่าจึงลอยอยู่อย่างนี้
ว่ายวนมหานทีโศกศัลย์
มืดหมอกกิเลสาจาบัลย์
ฟูฟ่องคืนวันข้ามชาติภพ

แล้วจะเป่าความฝันให้ลอยล่อง
"กลับครรลอง" สู่ "ความจริง" สิ่งประสบ
เพียร "รู้ดัด หัดข่ม" อารมณ์พบ
มีบรรจบ "หนึ่งในพัน" ในฝันจริง..


            ไม่ว่าจะบนแพ หรือบนบก ไม่ว่าเสียงหัวเราะ หรือความสนุกสนาน สิ่งเหล่านี้ เจ้าต้องเรียนให้รู้ รู้ถึงความคุ้นเคยดุจญาติมิตร ต้องชินกับมันเพื่อไม่ให้เกิดช่องห่าง ความอ้างว้าง เดียวดาย กลัว เจ็บ ก็เช่นกัน พวกเขาพร้อมที่จะมาทุกเมื่อ เราต่างหาก ฝึกซ้อมรับมือกับมันมากพอเพียงใด เข้าใกล้จนคุ้นเคยหรือไม่ ถ้าไม่ ต้องฝึก ขอให้เธอโชคดีลูกรัก