หากจะใช้ตัวชี้วัดของความเป็นนักเขียน ว่าต้องมีความรู้จริงในสิ่งที่จะขีด หลายครั้ง หลายเวลา ผมพบว่า ตนเอง แทบไม่มีคุณสมบัติเช่นนั้นได้ อย่างเก่ง ก็เป็นได้แค่เพียง นักอยากเขียน ยิ่งหากนับลีลาภาษาที่สื่อสาร บนจานกระดาษแล้ว ยิ่งรู้ดีว่า ฝีมือพ่อครัวอักษราของตนนั้น ช่างห่างไกลจากความโอชาของผู้ชิมชมยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม แม้ไม่มีคุณสมบัติ ที่จะเป็นพ่อครัวอักษรา เยี่ยงกฎเกณฑ์เช่นนั้นได้ ก็ยังวิสาสะ สร้างห้องครัวเล็กๆ ท่ามกลางภูดอยอันเงียบสงบ แต่กลับรุ่มรวยความสุขและชุ่มเย็นภายใน ขึ้นมาจนได้ ไม่ยิ่งใหญ่ เช่นภัตตาคารดอก แต่ก็แค่อยากบอก อยากเสิร์ฟ มุมคิดเล็กๆ ของคนเล็กๆ คนหนึ่ง ผ่านโต๊ะอาหารตา ไปยังผู้เสพลิ้มดื่มกิน อย่างน้อยให้ผ่านชายตาขอบคิ้วของเขา เพื่อให้รู้ว่า ยังมีมุมคิดเช่นนี้อยู่นะ มันก็คงเพียงพอแล้ว ดุจเมล็ดข้าวน้อย ที่เหลือติดขอบจาน หลังจากคนรับประทานจนอิ่มหนำ ใช่จะเรียกร้องให้คนกวาดซดทุกเมล็ด ในยามอิ่มแปล้ก็หาไม่ ใช่จะมีเจตนาอุทธรณ์ให้รู้ค่ายิ่งใหญ่ในคุณข้าวอะไรก็มิเชิง แต่ขอเพียงแค่ รู้ว่าเมล็ดข้าวเศษเหลือนั้น เป็นส่วนหนึ่งของความอิ่ม ก็รู้สึกดีและมีคุณค่ามากพอสำหรับการทำหน้าที่ของมันแล้ว ด้วยมุมคิดเช่นนี้ ผมจึงเริ่มปรุงอาหาร
อีกไม่ถึง 1000 วัน ประเทศเราและเพื่อนบ้านทั้งหลาย ต่างก็จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หลายชาติตระหนัก หลายชาติตื่นตัว และหลายชาติเตรียมพร้อม เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวดังสโลแกนที่คุ้นชิน สำหรับผม ความเป็นอาเซียน คงมิได้อยู่ที่การประดับประดาธงชาติตามรั้วโรงเรียน หรือการฝึกท่องคำกล่าวทักทาย สวัสดี และขอบคุณของชาติต่างๆ และคงไม่ใช่เพียงการเลื่อนวันปิด เปิดเทอม ให้ตรงกันทุกประเทศ ยิ่งมิได้มีความหมายเพียงเพื่อประโยชน์ที่จะได้รับจากการเกิดประชาคม อย่างที่หลายคนเข้าใจ และคงไม่ใช่ความเข้าใจในมุมคิดที่เปลือยเปลี่ยว ด้านใดด้านหนึ่ง อย่างโดดๆ อย่างที่เป็นมา แต่อย่างใด
ความเป็นอาเซียน มันน่าจะมากกว่า เรื่องค้าเรื่องขาย รายได้ การลงทุน เพราะในความจริง มีพื้นที่ของความงดงาม ทั้งในมิติด้านกว้างใหญ่ไพศาล มิติหลากหลายทางชีวภาพ มิติความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และมิติความรุ่มรวยทางวิถีประเพณีและวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ อื่นๆ อีก ที่เชื้อชวนให้พินิจและสนใจตั้งมากมาย
หลายวันที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เยือนมิตรประเทศที่จะเข้าร่วมอาเซียนกับเรา ความเข้าใจและคาดหวังที่จะได้จากอาเซียนนั้น ทั้งจากการสังเกต สดับตรับฟัง และศึกษาเพิ่มเติม ล้วนแทบมิได้แตกต่างจากบ้านเราเท่าใดนัก มิได้แตกต่างกัน ตรงที่ทุกๆชาติ ต่างแสดงออก บนโหมดความคิดที่จะได้ คิดที่จะรับ ผลประโยชน์ จากกันและกัน ผ่านการค้าการขาย ซึ่งวันนี้ได้ลดข้อจำกัดหรือเงื่อนไขกีดกันบางอย่างลง จนยั่วผู้กระหายให้น้ำลายไหลกว่าก่อนเดิม แต่โหมดความคิด ความเข้าใจ ในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ถ้อยทีถ้อยอาศัยเฉกพี่น้องร่วมท้องแม่เดียวกันของชาติพันธุ์ต่างๆ โดยไม่มีเงินตรานำหน้านั้น ยังไม่มี รวมถึงความเข้าใจในการอยู่และใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันอย่างเป็นมิตรทั้งคนและธรรมชาตินั้น ยังไม่เห็น นี่ไม่รวมถึงการตระหนัก อนุรักษ์และหวงห่วงวัฒนธรรมอันดีงามของตนอย่างเข้าใจ และไม่ขลาดเขลา นั้น ยังไม่ชัด ความเป็นอาเซียน น่าจะมีเหตุผลมากมายยิ่งกว่า สามก้อนเส้าของธงที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะการเห็นและเข้าใจในอัตลักษณ์แห่งตนและชนอื่น การเข้าใจและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยไม่เน้นหรือให้ความสำคัญกับด้านหนึ่ง ด้านใดจนเกินไป นั่นน่าจะทำให้ เวทีของอาเซียนมีความหมายและคุณค่ายิ่งกว่าที่รับรู้และเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้
ครับ ก็อย่างที่บอก ผมแค่อยากเขียน อยากสร้างห้องครัวอักษร
บนฐานคิดที่ แค่อยากเล่า ความคิดของข้าวเศษเหลือจากขอบจาน หลังจากคนรับประทานจนอิ่มหนำ แล้วเท่านั้น มิได้คาดหวังอื่นใด มากมายนักหรอก แค่อยากบอก อยากสื่อให้รู้ว่า มุมคิดเล็กๆ เช่นนี้ มีอยู่จริง อย่างน้อย เมล็ดเล็กๆ เช่นนี้ อาจเพิ่มสีสัน กระตุ้นคิดในอีกมุม ที่เราไม่มอง หรือเลือกที่จะไม่มอง ให้ฉุกคิดขึ้นมาได้ แต่ถ้าหากทำให้ความหมาย ความเข้าใจในอาเซียนเปลี่ยนไปเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง ก็นับว่าเป็นโชคลาภอย่างใหญ่หลวง ที่มิได้วาดฝันมาก่อน.....
พิณ คืนเพ็ญ
โรงเรียนบ้านแม่ลิด
5 กรกฎาคม 2556