( 1)
.....โลกภายนอกดูซ้อนซับ นับวันยิ่งสลอนสลับ จนยากจะทันถึงและเข้าใจ
.....ทุกสิ่งโยงใยเกี่ยวเนื่อง แยกขาดจากกันมิได้
.... สิ่งนี้มี กลายเป็นเหตุต่อสิ่งนั้น ยาวเฟื้อย รุงรัง ร้อยกระหวัดสานถัก..มิจบสิ้น
.....หาต้น หาปลายแทบ
ไม่เจอ
.....มองมุมนึง ก็เหมือนว่าเนื่องร้อย
.....มองอีกมุม หาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย คล้ายว่า แต่ละสิ่ง ต่างทำหน้าที่ของตน อย่างเสรี
( 2)
.....เคยถามตนเอง ชอบเกียร์อะไรมากที่สุด ของรถยนต์ชีวิต
.....ก เกียร์หน้า
.....ข เกียร์ถอย
.....ค เกียร์ว่าง
เกือบทุกครั้งที่ถาม
.....คำตอบที่ได้มักเป็น ก เกียร์หน้า เสมอ
มีบ้างเหมือนกัน ที่ ข ค และมักใช้เวลาครุ่นคิด นานกว่าปกติเสมอ ก่อนที่จะตอบ
ใช่เพราะสัญชาตญาณหรือไม่ ?
ที่นำทางให้ เดินหน้า เดินหน้า เดินหน้า ....
เวลาส่วนใหญ่ จึงพุ่งไปสู่พรุ่งนี้
เกียร์ว่างเลยถูกเก็บ เกียร์ถอย จึงถูกซ่อน
ไม่เคยปฏิเสธการมีอยู่ ทั้งสามเกียร์ของชีวิตหรอกนะ
และก็ไม่เคยปฏิเสธ การเลือกเกียร์ในชีวิต เฉกเกียร์หน้านั้น เช่นกัน
ว่าแต่...
เราเร่งรีบอะไร ไปหรือเปล่า จนทำให้เช้างามกรุ่นอวลหมอก จางหายไปจากความรู้สึกรู้สา
เราเร่งรีบอะไร ไปหรือเปล่า จนทำให้สองเท้า มีพื้นที่สำหรับการทะยานมากกว่า ยืนนิ่ง หรือ ทบทวน
เราเร่งรีบอะไร ไปหรือเปล่า จนทำให้ช้าไม่ได้ แม้เพียงหยุดอยู่กับที่ ก็กลัวจะถอยหลัง...
หากธงหมาย คือปลายทางที่จะไปให้ถึง
เราไม่ปฏิเสธหรอกว่า มาจากการห้อตะบึงของเกียร์หน้า ....เป็นส่วนใหญ่
แต่เจอทางตัน ติดหล่ม เดินหน้าไม่ได้ จะทำให้นึกถึง เกียร์ อะไร
ที่สำคัญ รู้ไหม ทุกครั้งที่จะเดินหน้า ถอยหลัง ล้วนตั้งลำจาก ฐานว่างก่อนเสมอ
โอ...สายพานของสัญชาตญาณ นำเราไป พาเราไป จน
พราก บางสิ่ง หลงลืมบางอย่าง ที่มีค่าไป เช่นกัน
(3)
........มุ๊งมิ๊ง มุ๊งมิ๊ง ยุงบินวุ่นว่อน
........ยามตื่นยามหลับ มันบ่ยอมนอน
........ยังวุ่น บินว่อน หากิน มุ๊งมิ๊ง
(4)