วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คอย...ป้อง










   เถียงนาน้อย คอยใคร อยู่ไหมหนอ
เจ้าเฝ้ารอ ไอฝน หมอกหม่นหนาว
คอยข้าวใหม่ ไออุ่น ละมุนพราว
คอยหมู่ดาว หยาดน้ำค้าง คืนจันทร์เพ็ญ
   หรือคอยทุย ที่เคยลุย หน้าไถหว่าน
คอยดอกจาน บานแต่ง ทุ่งแล้งเข็ญ
คอยหิ่งห้อย ร้อยแสง แต่งฟ้าเย็น
ฤา...คอยไก่เซ่น ศาลปู่ตา ป้องห่าเมือง
  ........................................
       พิณ คืนเพ็ญ :  ซาวตุลาห้าสี่
           ต้นหนาวแม่นาจางเหนือ
               

เทียนภู










เทียนภู เปล่งแสง แต่งฟ้าค่ำ
เย็นน้ำ หมอกหนาว คราวหลังฝน
ตะวันลับ เดือนหลับ ลับตาคน
เทียนธรรม เปล่งแสงตน ส่องคนภู
        .......................













เทียนร่ำไห้ อาลัย กลายแสงส่อง
คนแซ่ซ้อง เห็นค่า คราไสว
เทียนเจ็บซ้ำ กล้ำกลืน ขมขื่นใน
ใครเล่าใคร เห็นคุณค่า น้ำตาเทียน
            .....................











หรีดสองตัว ถ้วยสองใบ เทียนไขเล่ม
เลาะเรียบเล็ม น้ำค้าง หว่างช่องแสง
ชิมรสร้อน อ่อนไหว คราวไฟแลง
ลิ้มรสแกง รู้บ้างไหม หรือไม่รู้
    .............................














ค่ำแล้ว...
วอมไฟ ไขแสง ขึ้นแต่งค่ำ
หริ่งหรีดร่ำ พร่ำวอน อ้อนฟ้าหลัว
มืดมิด เงียบงัน พลันรอบตัว
มืดจนกลัว จักบ่มี วันสร่างเงา
แต่มีไฟ โคมดอย คอยใสส่อง
สาดครรลอง งดงาม ตามขุนเขา
ที่แห่งนี้ มีวันสร่าง จางเจือเงา
มีวันเศร้า คลายโศก โลกงดงาม
     .....................................
        พิณ คืนเพ็ญ : ปรุงอักษร

เปลี่ยนภายใน









....ทุกคนต่างมอง คนอื่น โดยยึดพื้นฐานของตนเอง
เป็นตัวตัดสิน ดังนั้น จึงมักจะเห็นรูโหว่ของคนอื่น อยู่เสมอ
แต่รอยรั่ว ตัวเอง กลับไม่เจอ


ทุกคนต่างมุ่งปรับเปลี่ยนคนอื่น
แต่ไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงภายในของ ตนเอง

ทุกคน ต่างแขวนชีวิตไว้กับ คนอื่น
แต่ไม่ค่อยมีใครผูกไว้กับต้นไม้ชีวิตของตนเอง


เราจะเปลี่ยนสิ่งต่างๆในโลกได้อย่างไร
หาก ใจเรา ไม่เปลี่ยนแปลง....
เรา จะเห็นสิ่งต่างๆ ในโลกได้อย่างไร
หากใจเรา ไม่ปรับเลนส์แห่งการมอง....

แท้จริงแล้ว..ตนเอง..กลับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ในฐานะต้นทางของการ มอง มุ่ง แขวน
วิถีคิด วิถีชีวิต.....

การเปลี่ยนแปลงภายในตน จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
และจำเป็นที่สุดที่ทุกคนต้องทำในฐานะเครื่องมือแห่ง
การเข้าถึงและค้นพบการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
.......................................
          
             พิณ คืนเพ็ญ

หมายใดเล่าใจเจ้านั้น

       หมายใดเล่า ในใจ ของเจ้านั้น      
หมายฝอยฝัน ปุยดาว พร่างพราวหรือ  
หมายโลกซ้อง ควรค่า คำคนลือ          
ฤา....หมายเพียง ที่ยืนอยู่ เยี่ยงสามัญ...



       จักฝันใด หมายใด เช่นใดเล่า               
คงมิเทียม ทันเท่า เหยียบเงาฝัน                  
แม้ความจริง อาจแผก แตกต่างกัน              
ขอได้ไหม ขอฝันนั้น ศรัทธามั่น...ทางดีงาม


   


      สนทนาธรรมกับลุงแสงดาว ศรัทธามั่น                  
บนความต่างของความคิดและแก่นแกนที่มีต่อสังคม         
เป็นความต่างที่งดงาม ทุกอย่างรับฟังด้วยใจอย่างใคร่ครวญ   
ฟังทุกคำที่พูด แต่ไม่จำเป็นต้องเชื่อหรือเห็นด้วยทุกคำที่ฟัง
             ร้านสุดสะแนน เชียงใหม่                            
                     พิณ คืนเพ็ญ                         





กรรมกรวิชาการ

      กรรมเอ๋ย กรรมกร วิชาการ
เหนื่อยจน เหนียงแทบยาน นะขอบอก
ผมเคยดำ กลับเป็นขาว เขาเรียกหงอก
นั่งต้อกม๊อก หน้าคอมเครื่อง เคืองทั้งวัน
       เขาเล่นน้ำ สงกรานต์ ผ่านบ้านเล่า
ทั้งหนุ่มเฒ่า สาวแก่ แม่อวบอั๋น
เสียงโห่ฮิ้ว ม่วนแท้ ม่วนสุดวัน...(ม่วนคัก ม่วนอีหลีกะด้อกะเดี้ย)
เราสินั่ง ปั่นงาน จนหัวฟู
       คนทำงาน งานทำคน รึไร เราไม่รู้
ที่พอเห็น เป็นอยู่ คือต้องได้ .......(เขาสั่งมา ย้ำ ต้องได้)
ต้องเสร็จทัน กำหนด เขาเดตไลน์
อือ.....ก็ได้ จะจัดให้ ดังต้องการ
        มีอะไร ไหมเล่า ในดอยนี้
ที่ข้าน้อย พวกนี้ ทำไม่ได้
บอกมาเถิด อย่าชักช้า มัวเกรงใจ
ประสงค์ใด ในโลกหล้า ข้านี้จักสนอง.....ฮึ ฮึ ฮึ.......
     
     พิณ คืนเพ็ญ : ปรุงอักษร
             วันเนาเมษาห้าสี่


   *อาหารหลักของกรรมกรวิชาการ*

     

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วิชาต้นไม้

      
















ต้นไม้....ไม่เคยรู้ดอก ว่าลมพัดมาแต่ทิศใด
แต่ต้นไม้...ก็เรียนรู้ว่า จะเอนอ่อนอ้อนลมในทิศใด เพื่อความอยู่รอดของกิ่ง ใบ ก้าน นั้นๆ
คนเราก็เช่นกัน ไม่เคยรู้ดอก ว่าความทุกข์เกิดขึ้นด้วยเหตุอันใด
แทบจะไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ
ส่วนใหญ่ ...ก็มักพร่ำบ่นว่า มันจะทุกข์ อะไรกันนักกันหนาวะ หรือ ทุกข์กว่านี้มีอีกไหม อะไร ประมาณนั้น
น้อยนักน้อยหนา...ที่รู้จักและรักจะเรียนรู้ พร้อมๆกับอยู่ร่วมกับความทุกข์ ด้วยความสงบและรู้เท่าทัน....
หากแต่น้อยนักเช่นนี้ มิใช่ดอกหรือ ที่จะเป็นหนทาง นำไปสู่ความอยู่รอดของกิ่งก้านใบ แห่งชีวิต

 พิณ คืนเพ็ญ : แต้มคำ




วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แววตา











ประกายวาว พราวแพรว แววตาเจ้า
โลกสุขเศร้า เจ้าคงรู้ พอดูได้
แม้เจ็บปวด ขื่นช้ำ สักปานใด
นัยน์ตาใน บ่งแกร่งมั่น เกินวันวัย.....
                
      ค่ำคืนที่พวกเราไปแนะแนวและส่งเด็กๆ ที่หย่อมบ้านแม่ฮ้อย หลังกินข้าวเย็นแล้ว ก็นัดหมาย
ผู้ปกครองนักเรียนมาประชุม เพื่อรายงานผลการดำเนินงานในรอบปีการศึกษาที่ผ่านมาให้รับทราบ โดยน้องๆ ที่โรงเรียนได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันชี้แจงแถลงไข ว่ากันไปตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย ดึกพอควรแล้ว ดวงดาวบนฟ้าก็เริ่มล้า จันทราก็นวลแสงอ่อนโยน คนก็เริ่มง่วงเหงาหาวนอน ทันใดก็เหลือบไปเห็นแววตาใสๆคู่หนึ่งของเด็กน้อย ผู้ติดห้อยเอวแม่มาประชุม เป็นการยากยิ่งที่จะเดาหรือทำนายแววตานัยน์ใน และคงหาญกล้าเกินไปที่จะให้ความหมายเช่นนั้นเช่นนี้ได้ แต่ที่แน่ๆ สามารถรับรู้ได้ว่า มีความกล้าแกร่ง มุ่งมั่น และเข้มแข็งยิ่งนัก.....
......คงเหมือนกันกับคนเรา ที่แต่ละคนย่อมมีจุดหมายของชีวิตต่างกันไป แต่ทุกฝันทุกเป้าหมายย่อมอาศัยพลังใจอันแข็งแกร่งจึงจะสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จได้........
 

               พิณ คืนเพ็ญ 
คราวร้อนแล้ง ก่อนปิดเทอมใหญ่ มีนาห้าสี่

กล้า




กล้าปลอกเปลือกตัวตนของตน หรือไม่
กล้าปลดเปลื้องพันธนาการที่ร้อยรัดรึง รึเปล่า
กล้าร้องไห้กับสุข ยิ้มงามกับทุกข์ตรมขมขื่น บ้างไหมเล่า
กล้าแอ่นอก รับ สู้ ทายท้า ปัญหาสารพันนั้น เท่าใด
กล้าอยู่กับความจริง ความเป็นไป..เพียงใด
ถ้ายังตอบว่า "ไม่" ต้องอยู่ต่อ
อยู่สะกดคำว่า กล้าให้ได้ และกล้าให้พอเสียก่อนเป็นเบื้องต้น
                                 พิณ คืนเพ็ญ: แต้มคำ
 

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รายงานโครงการระดมทรัพยากรทางการศึกษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านแม่นาจางเหนือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2

รายงานโครงการระดมทรัพยากรทางการศึกษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียน
บ้านแม่นาจางเหนือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2
_______________________
                                                                                     ***  ผู้วิจัย นายสายัญ โพธิ์สุวรรณ์


บทคัดย่อ


การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรายงานและประเมินโครงการระดมทรัพยากรทางการศึกษา ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของโรงเรียนบ้านแม่นาจางเหนือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2 ประชากรประกอบด้วย ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และนักเรียน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครู จำนวน 6 คน กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4-6 จำนวน 30 คน ผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 30 คน และศิษย์เก่า จำนวน 30 คน  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รายงานผลการดำเนินโครงการระดมทรัพยากรทางการศึกษา แบบประเมินโครงการตามแบบจำลองซิปป์ (CIPP MODEL) วิเคราะห์ผลการประเมินโดยใช้ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  ผลการรายงาน สามารถนำเสนอได้ดังนี้
1. รายงานผลการระดมทรัพยากรทางการศึกษา ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านแม่นาจางเหนือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2  พบว่า ทรัพยากรหลักที่ทำการระดม มี 5 ด้าน ได้แก่ด้าน 1) บุคลากร 2) อาคาร สถานที่และสิ่งปลูกสร้าง 3) สื่อ วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยี 4) แหล่งเรียนรู้ และ5) ทุนการศึกษา แหล่งทุนมี 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งทุนภายนอกหน่วยงาน และแหล่งทุนจากหน่วยงานต้นสังกัด ซึ่งแหล่งทุนส่วนใหญ่เป็นแหล่งทุนภายนอกหน่วยงาน  ได้แก่ 1) มูลนิธิสามสาระ ประเทศไทย 2) คุณซูซาน เรซ (Khun Susan  Race) และคณะ3) ค่ายหุ่นยนต์และอาสาพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 4) บริษัทแพนดอร่าจิวเวอรี่ กรุงเทพฯ5) กลุ่มเลือดร้อยเอ็ด 6) ชมรมศัลยแพทย์ข้อเข่าข้อสะโพกประเทศไทย 7) บริษัทซีเอ็ดบุ๊ค 8) ค่ายอาสาพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 9) ศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน  กรุงเทพฯ 10) วิทยาลัยการอาชีพแม่สะเรียง 11) ภาคเอกชนจังหวัดชลบุรี ฯลฯ  ผลการระดมทรัพยากรทางการศึกษา ตั้งแต่ ปีการศึกษา 2551 -2553 พบว่า ด้านบุคลากร สามารถระดมได้ 39 รายการ ด้านอาคาร สถานที่และสิ่งปลูกสร้าง สามารถระดมได้ ทั้งหมด 27 รายการ มูลค่า 5,500,700 บาท ด้านสื่อ วัสดุ อุปกรณ์และเทคโนโลยี สามารถระดมได้ 37 รายการ มูลค่า 2,144,900 บาท ด้านแหล่งเรียนรู้ สามารถระดมได้ 39รายการ ส่วนใหญ่วิทยากรท้องถิ่นและครูอาสา  และด้านงบประมาณ  ส่วนใหญ่เป็นทุนการศึกษา สามารถระดมได้ 48 รายการ มูลค่า 630,500 บาท
                2. ผลการประเมินโครงการระดมทรัพยากรทางการศึกษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านแม่นาจางเหนือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2  สามารถสรุปผลได้ดังนี้
ผลการประเมินด้านบริบท ปัจจัยนำเข้า กระบวนการและผลผลิตของโครงการระดมทรัพยากรทางการศึกษา ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของโรงเรียนบ้านแม่นาจางเหนือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2 มีความคิดเห็นโดยรวม อยู่ในระดับมาก และผ่านเกณฑ์การประเมิน  ผลการประเมินความพึงพอใจ พบว่า ความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง เกี่ยวกับความพึงพอใจต่อโครงการระดมทรัพยากรทางการศึกษาตามหลักทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านแม่นาจางเหนือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2 โดยรวมมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับ มากที่สุด และผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนผลกระทบของโครงการ หลังจากการดำเนินโครงการ พบว่า มีผลกระทบต่อโรงเรียน ผู้บริหาร ครูและนักเรียน โดยได้รับรางวัลและการยกย่องเชิดชูเกียรติจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านวิชาการ บุคลากร จำนวนหลายรายการ

ข้อเสนอแนะ
                   ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้
                   1. สถานศึกษาทั่วไป  ควรมีการประยุกต์ใช้กลยุทธ์การระดมทรัพยากรชนิดต่างๆ ตามสภาพบริบทของแต่ละสถานศึกษา
                   2. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรมีการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรครู ผู้บริหารสถานศึกษาให้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีทักษะในการระดมทรัพยากรในแต่ละด้านเป็นอย่างดี ตลอดจนควรนำผลการวิจัยไปใช้เป็นแนวทางในการสนับสนุนสถานศึกษา ให้สามารถระดมได้ด้วยตนเองตามศักยภาพ ทั้งนี้ไม่ขัดต่อระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
                   ข้อเสนอแนะสําหรับการวิจัยครั้งต่อไป
                   1.   ควรศึกษาแบบจำลอง หรือโมเดลเกี่ยวกับการระดมทรัพยากรในด้านอื่นๆ เพื่อให้มีการพัฒนารูปแบบและนำไปสู่การเผยแพร่อย่างกว้างขวางและหลากหลายต่อไป
                   2.     ควรมีการศึกษาการบริหารทรัพยากรทางการศึกษาที่ระดมได้ ว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการมีหรือได้มาของทรัพยากรเหล่านั้น ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อผู้เรียน ครู โรงเรียน และชุมชนอย่างไร