ฟ้าหม่นคนม่วนก็ชวนสุข
ฟ้าหม่นคนทุกข์สิอุกอั่ง
ฟ้าใสใจเศร้าสิเหงาค้าง
ฟ้าแจ้งใจร้างทุกข์สิสุขยืน....
พิณ คืนเพ็ญ

"เวทีนี้ มีไว้เพื่อบันทึกและบอกเล่าเรื่องราวของคนสันภู ซึ่งเป็นเสมือนยุ้งข้าว คอยเก็บผลผลิตของฤดูกาลแห่งชีวิต ทั้งของตนและคนแรมทาง เป็นมุมเล็กๆมุมหนึ่งในครัวอักษรา แบ่งปันบางอย่าง ให้ได้อ่านคิดคุย มิได้ โดดเด่นดังดี อะไรดอก แค่ได้บอก เชื้อชวน ให้ขบบ้าง ก็เท่านั้น เพราะเชื่อว่า ถ้ายุ้งข้าวนี้ ทำให้คนได้อ่าน มากกว่าสิ่งที่ได้เขียน ก็คิดว่า ได้ทำหน้าที่อย่างยิ่งใหญ่แล้ว ก่อนที่ ถ้อยคำแห่งการพลัดพรากจะผุดเปล่ง ก่อนบทเพลงสุดท้ายแห่งชีวิตจะบรรเลง ตามกฎธรรมดา ก็เท่านั้น"
วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
วิสาขา
..วันวิสาข์ ฟ้าบนดอย ก็พลอยช้ำ
ก้อนเมฆดำ ค่ำฝน มืดหม่นหมอง
ฟ้าร่ายเพลง ฝนแต่งท่วง ห้วงทำนอง
เพลงฉลอง วิสาข์ร้าง ฟ้าจางจันทร์
เกือบทุ่มกว่า ผมจอดรถเปิดท้าย นั่งร่ายพิณ ด้วยห้วงทำนองเดียวดาย ท่ามกลางความมืดของรัตติกาลแห่งคืนเพ็ญวิสาข์ ข้างกระท่อมกลางนา เรียบคลองชลประทาน บ้านพะมะลอ นับไม่ได้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไร รู้แต่ว่า มาคราวใด มักได้ความสุขสงบใจกลับไปทุกคราวครั้ง
เสียงพระสวดมนต์ แว่วคละลมฝนมาจากดอยไกล ลอยลัดข้ามคุ้งลำน้ำยวม ผสมลมทุ่งพัดเย็นวูบเป็นระยะ ๆ ทำให้ยินเสียงสวรรค์นั้นอย่างแผ่วเบา คล้ายๆ จะขาดหาย แต่มิวายยลยินทุกสำเนียง ลำไฟจากตัวเมืองแม่สะเรียง แสงสว่างจ้า เห็นลำแสงส่องพุ่งสู่ท้องฟ้าเป็นทางยาว ต้องเมฆดำทมึนบนแนวหน้าผาก บางจังหวะกระทบแสงฟ้าระยิบระยับ ดุจฉากงดงามในม่านฉากละครเวที ก็ไม่ปาน
..... พระจันทร์กลมมนของคืนเพ็ญที่เห็นก่อนหน้า ถูกเมฆาครึ้มฝนต้อนจนลับหาย ทำให้ทุ่งกว้างใหญ่ ถูกแผ่คลุมด้วยเงามืดและความเงียบสงัด นานทีจะมีมอเตอร์ไซค์ ผ่านกลายสักคัน นอกจากพระสวดและนกฮูกกรูกร้องแล้ว แทบมิได้ยิน เสียงใดอีกเลย
......โอ ความเปลี่ยว เดียวดาย มันมีความสงบงามเยี่ยงนี้.....เองหนอ
ผมบรรจงร่ายนิ้วทีละเส้น ผ่านสายพิณบรรเลงอย่างแผ่วเบา ยามเย็นเยี่ยงนี้ เสียงพิณก้องกังวาน ไกลยิ่งนัก เกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้ จิตใจจดจ่อที่สายพิณ ราวกับเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ลายนั้น ....ลายนี้ .....เพลงนั้น .....เพลงนี้ .............มิวางวาย
ผมพบความสงบ เปลี่ยว เดียวดาย แบบแปลกๆ คล้ายๆ กับตนเองหลุดออกจากโลกแม่สะเรียง หลุดจากเมืองที่อึงมี่ ซึ่งผูกร้อยรัดด้วยโซ่ตรวนแห่งพันธนา หลุดมาพเนจรเพียงลำพัง อยู่ท่ามทุ่งไร่ทุ่งนา ท่ามฟ้าฝนและคืนอันเงียบเหงา ผมพบว่า มันเป็นความสุขสงบ อีกแบบหนึ่ง ความสุขสงบที่เสมือนว่า เราเป็นสิ่งเดียวกันกับสรรพสิ่ง ซึ่งไม่สามารถแยกตัวเอง ออกจากฟ้า ฝน นก ลม ทุ่ง นา พิณ ฯลฯ ได้ แยกออกจากกันไม่ได้จริงๆ เพราะเมื่อที่ตัดแยก เมื่อใด มักจะเห็นความหยาบกระด้างในสัมผัสที่จับต้องทุกคราวครั้ง
เสียงสวรรค์จากพระสวดเงียบเสียงลงไปแล้ว ลมนายังพัดเรื่อยเฉื่อย เย็นวูบลูบกายมิขาดหาย สายพิณต้องฝนเสียงเริ่มแปร่ง ๆ เจ้าของนิ้วที่ดีดสาย ก็เริ่มหอบจับ....
.....อืมมมม ราตรีอันงดงามนี้หนอ ข้าดื่มกินเจ้าไปสองเหยือกกว่าแล้ว ยังหลงใหลมนต์เสน่ห์แห่งเธอมิวายวาง ขอบพระคุณนะ สำหรับฟ้าครึ้มงาม พระจันทร์หลบฝน นกฮูกกรูกร้อง ท้องทุ่งนารัตติกาล ช่างบรรเลงคีตการที่งามงด ควรค่าแก่การจารจดในคืนค้ำแห่งฉันจริงหนอ ท่วงทำนองของเธอ ช่างละเอียดละเมียดละไม เสียจริงหนอเจ้าสายลม อ่อนโยน จนข้ามิอยากจากหนี ....งดงามยิ่งหนอ สรรพสิ่ง งามยิ่งหนอ งดงาม จริงหนอ....
พิณ คืนเพ็ญ
ทุ่งนาพะมะลอ แม่สะเรียง
คืนวิสาข์ฟ้าครึ้มฝน
24 พ.ค. 56
ก้อนเมฆดำ ค่ำฝน มืดหม่นหมอง
ฟ้าร่ายเพลง ฝนแต่งท่วง ห้วงทำนอง
เพลงฉลอง วิสาข์ร้าง ฟ้าจางจันทร์
เกือบทุ่มกว่า ผมจอดรถเปิดท้าย นั่งร่ายพิณ ด้วยห้วงทำนองเดียวดาย ท่ามกลางความมืดของรัตติกาลแห่งคืนเพ็ญวิสาข์ ข้างกระท่อมกลางนา เรียบคลองชลประทาน บ้านพะมะลอ นับไม่ได้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไร รู้แต่ว่า มาคราวใด มักได้ความสุขสงบใจกลับไปทุกคราวครั้ง
เสียงพระสวดมนต์ แว่วคละลมฝนมาจากดอยไกล ลอยลัดข้ามคุ้งลำน้ำยวม ผสมลมทุ่งพัดเย็นวูบเป็นระยะ ๆ ทำให้ยินเสียงสวรรค์นั้นอย่างแผ่วเบา คล้ายๆ จะขาดหาย แต่มิวายยลยินทุกสำเนียง ลำไฟจากตัวเมืองแม่สะเรียง แสงสว่างจ้า เห็นลำแสงส่องพุ่งสู่ท้องฟ้าเป็นทางยาว ต้องเมฆดำทมึนบนแนวหน้าผาก บางจังหวะกระทบแสงฟ้าระยิบระยับ ดุจฉากงดงามในม่านฉากละครเวที ก็ไม่ปาน
..... พระจันทร์กลมมนของคืนเพ็ญที่เห็นก่อนหน้า ถูกเมฆาครึ้มฝนต้อนจนลับหาย ทำให้ทุ่งกว้างใหญ่ ถูกแผ่คลุมด้วยเงามืดและความเงียบสงัด นานทีจะมีมอเตอร์ไซค์ ผ่านกลายสักคัน นอกจากพระสวดและนกฮูกกรูกร้องแล้ว แทบมิได้ยิน เสียงใดอีกเลย
......โอ ความเปลี่ยว เดียวดาย มันมีความสงบงามเยี่ยงนี้.....เองหนอ
ผมบรรจงร่ายนิ้วทีละเส้น ผ่านสายพิณบรรเลงอย่างแผ่วเบา ยามเย็นเยี่ยงนี้ เสียงพิณก้องกังวาน ไกลยิ่งนัก เกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้ จิตใจจดจ่อที่สายพิณ ราวกับเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ลายนั้น ....ลายนี้ .....เพลงนั้น .....เพลงนี้ .............มิวางวาย
ผมพบความสงบ เปลี่ยว เดียวดาย แบบแปลกๆ คล้ายๆ กับตนเองหลุดออกจากโลกแม่สะเรียง หลุดจากเมืองที่อึงมี่ ซึ่งผูกร้อยรัดด้วยโซ่ตรวนแห่งพันธนา หลุดมาพเนจรเพียงลำพัง อยู่ท่ามทุ่งไร่ทุ่งนา ท่ามฟ้าฝนและคืนอันเงียบเหงา ผมพบว่า มันเป็นความสุขสงบ อีกแบบหนึ่ง ความสุขสงบที่เสมือนว่า เราเป็นสิ่งเดียวกันกับสรรพสิ่ง ซึ่งไม่สามารถแยกตัวเอง ออกจากฟ้า ฝน นก ลม ทุ่ง นา พิณ ฯลฯ ได้ แยกออกจากกันไม่ได้จริงๆ เพราะเมื่อที่ตัดแยก เมื่อใด มักจะเห็นความหยาบกระด้างในสัมผัสที่จับต้องทุกคราวครั้ง
เสียงสวรรค์จากพระสวดเงียบเสียงลงไปแล้ว ลมนายังพัดเรื่อยเฉื่อย เย็นวูบลูบกายมิขาดหาย สายพิณต้องฝนเสียงเริ่มแปร่ง ๆ เจ้าของนิ้วที่ดีดสาย ก็เริ่มหอบจับ....
.....อืมมมม ราตรีอันงดงามนี้หนอ ข้าดื่มกินเจ้าไปสองเหยือกกว่าแล้ว ยังหลงใหลมนต์เสน่ห์แห่งเธอมิวายวาง ขอบพระคุณนะ สำหรับฟ้าครึ้มงาม พระจันทร์หลบฝน นกฮูกกรูกร้อง ท้องทุ่งนารัตติกาล ช่างบรรเลงคีตการที่งามงด ควรค่าแก่การจารจดในคืนค้ำแห่งฉันจริงหนอ ท่วงทำนองของเธอ ช่างละเอียดละเมียดละไม เสียจริงหนอเจ้าสายลม อ่อนโยน จนข้ามิอยากจากหนี ....งดงามยิ่งหนอ สรรพสิ่ง งามยิ่งหนอ งดงาม จริงหนอ....
พิณ คืนเพ็ญ
ทุ่งนาพะมะลอ แม่สะเรียง
คืนวิสาข์ฟ้าครึ้มฝน
24 พ.ค. 56
วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ต่าง
ต่างคน ต่างว่า ต่างมอง
ต่างคิด ต่างวาด ต่างตั้ง
ต่างเห็น เป้าหวัง ตรงกัน
ตรงแก่น ใจหลัก สำคัญ
ตรงนั้น คือเธอนะ
...เด็กน้อย....
แม้เส้นทาง ภูมิหลัง ความคิด ความอ่านของคนเรา แต่ละคนจะแตกต่างกัน
แต่แท้จริงแล้ว มนุษย์เรา ล้วนต่างมีเป้าหมายหรือปลายทางไม่ต่างกันนัก
ล้วนรักสุข เกลียดทุกข์ กันเกือบทุกคน อาจแผกไปบ้าง ก็คงที่ระดับกี่มากน้อย
ฉะนั้น แม้จะต่างกันบ้าง ก็คงในรายละเอียด เส้นทาง วิธีปฏิบัติ ไยนำความต่างรายทางปลีกย่อย มาลดทอนการเรียนรู้ คุณค่าที่จะนำสู่เป้าหมายรวมซึ่งต่างเป็นเป้าหมายแท้ได้
....เตือนใจตนเอง
พิณ คืนเพ็ญ
ต่างคิด ต่างวาด ต่างตั้ง
ต่างเห็น เป้าหวัง ตรงกัน
ตรงแก่น ใจหลัก สำคัญ
ตรงนั้น คือเธอนะ
...เด็กน้อย....
แม้เส้นทาง ภูมิหลัง ความคิด ความอ่านของคนเรา แต่ละคนจะแตกต่างกัน
แต่แท้จริงแล้ว มนุษย์เรา ล้วนต่างมีเป้าหมายหรือปลายทางไม่ต่างกันนัก
ล้วนรักสุข เกลียดทุกข์ กันเกือบทุกคน อาจแผกไปบ้าง ก็คงที่ระดับกี่มากน้อย
ฉะนั้น แม้จะต่างกันบ้าง ก็คงในรายละเอียด เส้นทาง วิธีปฏิบัติ ไยนำความต่างรายทางปลีกย่อย มาลดทอนการเรียนรู้ คุณค่าที่จะนำสู่เป้าหมายรวมซึ่งต่างเป็นเป้าหมายแท้ได้
....เตือนใจตนเอง
พิณ คืนเพ็ญ

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
เดิน
"วิหารทุ่ง"
ที่ที่ฉันและเธอเผลอผ่านเลย
ที่ที่เราต่างเคยปรารถนา
ที่ที่รักจากร้างห่างไกลตา
ใครยังเที่ยวไขว่คว้าหาไม่เ จอ
.......................... .........
ยังจำได้ไหม
มหาวิหารแห่งการเรียนรู้ที่ แม้ไม่รู้ว่าเรียน
อ่านเขียนบนกระดาษแผ่นดิน
ด้วยน้ำหมึกหยาดเหงื่อ
สุขสงบในร่มเงาแดดฝน
ที่แห่งนั้น,ยังรอใคร
ใครในฉันและเธอ...
ที่ที่ฉันและเธอเผลอผ่านเลย
ที่ที่เราต่างเคยปรารถนา
ที่ที่รักจากร้างห่างไกลตา
ใครยังเที่ยวไขว่คว้าหาไม่เ
..........................
ยังจำได้ไหม
มหาวิหารแห่งการเรียนรู้ที่
อ่านเขียนบนกระดาษแผ่นดิน
ด้วยน้ำหมึกหยาดเหงื่อ
สุขสงบในร่มเงาแดดฝน
ที่แห่งนั้น,ยังรอใคร
ใครในฉันและเธอ...
ครูศิวกานท์ ปทุมสูติ
๒๐พค๕๖
๒๐พค๕๖
................................................
ตลอดเวลา สามสิบกว่าปี ผมพบว่าตนเองเดินทางไกล แสนไกล พบพานแทบทุกมิติอารมณ์
เมื่อวานเดินทาง.... เดินทาง.... วันนี้...ก็ยังเดินทาง เดินทาง พรุ่งนี้ ก็ต้องเดินทาง และเดินทาง....
แต่หลังจาก ได้เสวนาท่ามทุ่งอันงามงดและเงียบสงบกับครูทางจิตวิญญาณแล้ว พบว่า ตลอดระยะเวลา สามสิบกว่าปี ที่เดินนั้น แท้จริงแล้ว ยังไปได้ไม่ถึงไหน ดุจหน่ออ่อนของไผ่กอ บ้างก็ใบอ่อนที่แตกผลิต้นวสันต์ของไม้แล้ง นับได้ก้าว สองก้าว ดุจก้าวทารกน้อยทางจิตวิญญาณ ที่หัดเดิน กระนั้นเอง
เถียงนา ที่เคยพักค้างอาศัย ในวันวาน วันนี้ มีความรู้สึก สุข แปลกพิลึก สุขเหมือนได้กลับบ้านอันอบอุ่น สุขอิ่มปิติเปรม ถึงภายใน สัมผัส ต้อง ได้ ในละเอียดนุ่มของระลอกลมที่โลมลูบและทายทัก ละเมียดละไม อ่อนโยน เยือกเย็นจับใจยิ่งนัก
โอ... สามสิบกว่าปี ที่คิดว่าเดินทาง แท้จริง เพียงแค่หัดก้าวเท่านั้นจริงๆ หนอ
ขอบพระคุณ คุณครูศิวกานท์ ปทุมสูติ ที่ชี้แนะให้ผมได้ใช้เถียงนา เป็นที่พักค้างอาศัยทางจิตวิญญาณและเป็นจุดกำหนดเริ่มของการเดินอย่างแท้จริง
".....จงเดินทางออกไปข้างนอกให้สุดไกล และกลับสู่ภายในให้ล้ำลึก...."
ขอบพระคุณ เถียงนา ผู้เปรียบดุจวิหารทางจิตวิญญาณหลังนั้น
ทุ่งนาพะมะลอ แม่สะเรียง แม่ฮ่องสอน
พิณ คืนเพ็ญ
วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ท้าทาย
"ผมยิ้มรับคำท้าทาย
มาสุดสายมรรคาของชีวิต
รอดูผลผลิต แล้วเรามาคุยกัน"
เย็นค่ำหลังจากอบรมฯโครงการอ่านออกเขียนได้ ผมได้พาครูกานท์ เดินทาง เยี่ยมดอยไพร ที่บ้านแม่ลิดป่าเห้ว ที่นั่น มีพี่น้องเราอยู่ เพื่อพูดคุยหลายคน เราถกแถลงกันหลายเรื่อง ตั้งแต่ กะหล่ำ กาแฟ ไก่ หมู ปลา ข้าว บททา โฮมสเตย์ ศูนย์วัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ หลายคนพยายามประเคนนามต่างๆ ศัพท์ต่างๆ เพื่อให้วงเสวนา ได้รับรู้ จนเห็นและรับรู้ได้จริงๆ ว่า ชื่อหรือนามเหล่านั้น จะปิดกั้น การเข้าถึงความจริง งาม ที่อยู่ในนามนั้น ผมคิดว่า เราควรรับฟังชื่อนามเหล่านั้นและไม่ควรใช้เวลากับมันมากนัก แต่กลับต้องใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อเรียนรู้ เข้าใจ แก่นแกน หรือนัยยะที่อยู่ในนามเหล่านั้น ต่างหาก และหากเข้าถึงแก่นแกนอย่างแม่นตรงแล้ว ค่อยมาคุยกัน หรือเพียงยิ้มแย้ม ก็เกินพอที่จะอธิบายสิ่งที่เข้าใจให้ใครต่อใครได้มากโข ....
กาแฟ หากเป็นเพียงแค่ชื่อ เข้าใจในนาม ภาพลักษณ์เก่า ผสมกับภูมิรู้เก่า อาจทำให้เราเข้าใจอะไรเก่าๆ ตามไปด้วย โฮมสเตย์เช่นกัน ถ้าหากชุดความคิดความเข้าใจ ในนาม ของมัน มีเพียงแบบเดิม ก็ไม่เห็นว่าโฮมสเตย์จะแตกต่างอย่างไร กับการจ่ายตังค์ เพื่อซื้อที่ซุกหัวนอน ฉะนั้นแล้วการเห็นเพียงนามก็ไม่ต่างอะไรกับเห็นเพียงเปลือกภายนอก..... ที่ไม่สามารถบอกเนื้อในแก่นแกนแท้จริงได้ว่าเป็นเช่นไร เสียเวลากับการพูดเปลือกอยู่ไย ทำไมไม่เทเวลาหาแกนในซึ่งสำคัญมากกว่า
นี่กระมัง ภูมิรู้อันน้อยนิดของผม กระตุกตัวเองว่า ให้เข้าใจ เรียนรู้ และเห็นความสำคัญในสิ่งนี้ต่างหาก .......
ขอบคุณ เซอบิ ขอบคุณจอกบุปผา ขอบคุณรัตติกาลอันฉ่ำชุ่มด้วยฝนใหม่ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สิ่งที่เป็นหัวใจและแก่นแกนอย่างแท้จริง ผมรับคำท้าแล้ว อีกสามฝน เรามาคุยกัน....
"ผมยิ้มรับคำท้าทาย
มาสุดสายมรรคาของชีวิต
รอดูผลผลิต แล้วเรามาคุยกัน"
ค่ำคืนเสวนา บ้านแม่ลิดป่าเห้ว
พิณ คืนเพ็ญ
17 พ.ค. 56
มาสุดสายมรรคาของชีวิต
รอดูผลผลิต แล้วเรามาคุยกัน"
เย็นค่ำหลังจากอบรมฯโครงการอ่านออกเขียนได้ ผมได้พาครูกานท์ เดินทาง เยี่ยมดอยไพร ที่บ้านแม่ลิดป่าเห้ว ที่นั่น มีพี่น้องเราอยู่ เพื่อพูดคุยหลายคน เราถกแถลงกันหลายเรื่อง ตั้งแต่ กะหล่ำ กาแฟ ไก่ หมู ปลา ข้าว บททา โฮมสเตย์ ศูนย์วัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ หลายคนพยายามประเคนนามต่างๆ ศัพท์ต่างๆ เพื่อให้วงเสวนา ได้รับรู้ จนเห็นและรับรู้ได้จริงๆ ว่า ชื่อหรือนามเหล่านั้น จะปิดกั้น การเข้าถึงความจริง งาม ที่อยู่ในนามนั้น ผมคิดว่า เราควรรับฟังชื่อนามเหล่านั้นและไม่ควรใช้เวลากับมันมากนัก แต่กลับต้องใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อเรียนรู้ เข้าใจ แก่นแกน หรือนัยยะที่อยู่ในนามเหล่านั้น ต่างหาก และหากเข้าถึงแก่นแกนอย่างแม่นตรงแล้ว ค่อยมาคุยกัน หรือเพียงยิ้มแย้ม ก็เกินพอที่จะอธิบายสิ่งที่เข้าใจให้ใครต่อใครได้มากโข ....
กาแฟ หากเป็นเพียงแค่ชื่อ เข้าใจในนาม ภาพลักษณ์เก่า ผสมกับภูมิรู้เก่า อาจทำให้เราเข้าใจอะไรเก่าๆ ตามไปด้วย โฮมสเตย์เช่นกัน ถ้าหากชุดความคิดความเข้าใจ ในนาม ของมัน มีเพียงแบบเดิม ก็ไม่เห็นว่าโฮมสเตย์จะแตกต่างอย่างไร กับการจ่ายตังค์ เพื่อซื้อที่ซุกหัวนอน ฉะนั้นแล้วการเห็นเพียงนามก็ไม่ต่างอะไรกับเห็นเพียงเปลือกภายนอก..... ที่ไม่สามารถบอกเนื้อในแก่นแกนแท้จริงได้ว่าเป็นเช่นไร เสียเวลากับการพูดเปลือกอยู่ไย ทำไมไม่เทเวลาหาแกนในซึ่งสำคัญมากกว่า
นี่กระมัง ภูมิรู้อันน้อยนิดของผม กระตุกตัวเองว่า ให้เข้าใจ เรียนรู้ และเห็นความสำคัญในสิ่งนี้ต่างหาก .......
ขอบคุณ เซอบิ ขอบคุณจอกบุปผา ขอบคุณรัตติกาลอันฉ่ำชุ่มด้วยฝนใหม่ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สิ่งที่เป็นหัวใจและแก่นแกนอย่างแท้จริง ผมรับคำท้าแล้ว อีกสามฝน เรามาคุยกัน....
"ผมยิ้มรับคำท้าทาย
มาสุดสายมรรคาของชีวิต
รอดูผลผลิต แล้วเรามาคุยกัน"
ค่ำคืนเสวนา บ้านแม่ลิดป่าเห้ว
พิณ คืนเพ็ญ
17 พ.ค. 56
ลายพิณ
พิณแว่ว แผ่วหวาน บนลานกว้าง
ดอยร้าง ป่ารกรื้อ อื้อเสียงหวน
"ปู่ป๋าหลาน" "ภู่ตอมดอก" ยอกอกครวญ
ลายใด บ่รัญจวน เท่าลายตรมฯ
พิณ คืนเพ็ญ
ตะวันตรงหัว แม่ลิด 14 พ.ค. 56
ดอยร้าง ป่ารกรื้อ อื้อเสียงหวน
"ปู่ป๋าหลาน" "ภู่ตอมดอก" ยอกอกครวญ
ลายใด บ่รัญจวน เท่าลายตรมฯ
พิณ คืนเพ็ญ
ตะวันตรงหัว แม่ลิด 14 พ.ค. 56
ปลายทาง
แท้ปลายทาง อยู่หนใด รู้ไหมเล่า
ยอดโขดเขา ลูกนั้น ฤาลูกไหน
ห้วยละหาน ลานน้ำ ขุนถ้ำไพร
ฤาต้นสาย ปลายหน ต้นเดียวกัน
พิณ คืนเพ็ญ
อบรมฯ พัฒนาตัวชี้วัด แม่ลิด
17 พ.ค. 56 13:39
ยอดโขดเขา ลูกนั้น ฤาลูกไหน
ห้วยละหาน ลานน้ำ ขุนถ้ำไพร
ฤาต้นสาย ปลายหน ต้นเดียวกัน
พิณ คืนเพ็ญ
อบรมฯ พัฒนาตัวชี้วัด แม่ลิด
17 พ.ค. 56 13:39
เข้าใจ
เมขลาเหงื่อพรำเป็นห่าฝน
รามสูรโยนขวานแตกไฟสี
ระบำเมฆทะมึนเทาเคล้าราตรี
ปฐพี มีหฤทัย เข้าใจฟ้า
ปฐพี มีหฤทัย เข้าใจ งาม
พิณ คืนเพ็ญ
แม่ลิด เช้า 16 พ.ค. อบรมการอ่าน
รามสูรโยนขวานแตกไฟสี
ระบำเมฆทะมึนเทาเคล้าราตรี
ปฐพี มีหฤทัย เข้าใจฟ้า
ปฐพี มีหฤทัย เข้าใจ งาม
พิณ คืนเพ็ญ
แม่ลิด เช้า 16 พ.ค. อบรมการอ่าน
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
รางวัลแถน
หอมดิน กลิ่นเช้า เคล้าฝนใหม่
หอมไพร สาบภู ฤดูวสันต์
เอิบอิ่ม แถนฟ้า โรยแจกกำนัล
พรมใจอัน หลงหลับ กลับตื่นฟื้น ฯ
พิณ คืนเพ็ญ
ยามเช้าเปิดเทอมคลอฝนใหม่
06.45 น. ต้นวสันต์ แม่ลิด
หอมไพร สาบภู ฤดูวสันต์
เอิบอิ่ม แถนฟ้า โรยแจกกำนัล
พรมใจอัน หลงหลับ กลับตื่นฟื้น ฯ
พิณ คืนเพ็ญ
ยามเช้าเปิดเทอมคลอฝนใหม่
06.45 น. ต้นวสันต์ แม่ลิด
วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
วิถีขบถ
คิดต่าง เดินต่าง บนทางใหม่
มีหัวใจ เป็นทุน หนุนส่ง
มีทิศทาง คงแน่วมั่น ยืนยง
มุ่งปักธง สุนทรีย์ ครูแผ่นดิน
อย่ากลัว ถ้าคิด จะแตกต่าง
อย่าหวั่น อ้างว้าง ห่วงถวิล
อย่าหวาด หากต่ำ ติดดิน
อย่าหลง หากบินสูง สู่ฟ้าได้ฯ
วิถีขบถ ต้องอด รู้ทน
คลุกคลี ทุกข์จน เจ็บไร้
ทันที คิดต่าง ออกไป
กลายไกล จากใกล้ ที่พบพาน...
แรงดลใจ ...
แนวคิด แนวทาง การขับเคลื่อนรถไฟการศึกษาคันนี้ หลังจากสนทนากับครูศิวกานท์ ปทุมสูติ ผู้ปลุกไฟแห่งวิญญาณ์ ให้พวกเรา ว่าเราจะร่วมกันสานถักการศึกษาให้เด็กน้อย บนดอยไพรแห่งนี้ ได้อ่านออกเขียนเป็น สอนให้พวกเขา เรียนรู้ที่จะอ่านรัก อ่านชีวิต และอ่านโลก โดยมีปลายทางคือสุนทรียะแห่งชีวิต มีเสรีภาพที่จะใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า งดงาม ท่ามกลางห้วงเวลาระยะหนึ่งของชีวิตพวกเขาจะมีได้ .... ดอกไม้ดอยไพรเหล่านี้ จะเบ่งบานได้ ต้องใช้น้ำ ดิน แดด ปุ๋ย เวลา ต้องมีมานะพยายาม ที่สำคัญ ต้องใช้หัวใจดวงโตๆ เดินต่างเท้า จากทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง จึงจะเข้าปักธงชัย ณ ปลายฝันได้ ระหว่างทาง ต้องพร้อมและยอมรับ ความเจ็บ ทุกข์ และความต่าง และอาจมีบ้างต้องล้มลุกคลุกคลาน เปื้อนฝุ่นผงแห่งอุปสรรค แต่อย่างไรก็ตาม นั่นคือบทนำ ก่อนกล่าวเกริ่นสู่ความสำเร็จ .... มักจะมองไม่เห็นใครเลย เกิดมาพร้อมๆ กับความสุขสำเร็จ มักจะมองไม่เห็นใครเลย ที่ได้รับความสำเร็จจากสรวงสวรรค์โดยไม่ได้ลงมือทำ....
ฉะนั้นแล้ว เราต้องเดิน แม้อาจไม่พร้อม อาจจะยังพร่อง แต่ความพร่องของพวกเรา คือสะพานสู่ความพอกพูน เติมเต็มและงดงามในชีวิต...
ด้วยแรงใจที่มุ่งมั่น กอปรกับความบอดใบ้ของการศึกษาที่ผ่านมา พวกเราจึงมีทางเลือก ทางเลือกที่จะหลังพิงฝา โซ้ยหมัดปฏิวัติวิถีคิด วิถีปฏิบัติทางการศึกษากันสักตั้ง มั่นใจนะ มั่นใจว่า ถ้าเหตุปัจจัยเอื้อ พรุ่งนี้เช้า ชัยจะมาเยือน....
ขอเป็นแรงใจให้พี่น้องผองเพื่อนทุกๆคน ทั้งเพื่อนเลโคะ เพื่อนล่องแพ เพื่อนห้วยห้า และอีกหลายๆที่ หลายๆทาง ที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน เป็นกำลังใจให้กันและกันครับ
พิณ คืนเพ็ญ
อบรมฯ โครงการพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ ปฐมบทการขบถวิถีเดิม
15 พ.ค. 56
มีหัวใจ เป็นทุน หนุนส่ง
มีทิศทาง คงแน่วมั่น ยืนยง
มุ่งปักธง สุนทรีย์ ครูแผ่นดิน
อย่ากลัว ถ้าคิด จะแตกต่าง
อย่าหวั่น อ้างว้าง ห่วงถวิล
อย่าหวาด หากต่ำ ติดดิน
อย่าหลง หากบินสูง สู่ฟ้าได้ฯ
วิถีขบถ ต้องอด รู้ทน
คลุกคลี ทุกข์จน เจ็บไร้
ทันที คิดต่าง ออกไป
กลายไกล จากใกล้ ที่พบพาน...
แรงดลใจ ...
แนวคิด แนวทาง การขับเคลื่อนรถไฟการศึกษาคันนี้ หลังจากสนทนากับครูศิวกานท์ ปทุมสูติ ผู้ปลุกไฟแห่งวิญญาณ์ ให้พวกเรา ว่าเราจะร่วมกันสานถักการศึกษาให้เด็กน้อย บนดอยไพรแห่งนี้ ได้อ่านออกเขียนเป็น สอนให้พวกเขา เรียนรู้ที่จะอ่านรัก อ่านชีวิต และอ่านโลก โดยมีปลายทางคือสุนทรียะแห่งชีวิต มีเสรีภาพที่จะใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า งดงาม ท่ามกลางห้วงเวลาระยะหนึ่งของชีวิตพวกเขาจะมีได้ .... ดอกไม้ดอยไพรเหล่านี้ จะเบ่งบานได้ ต้องใช้น้ำ ดิน แดด ปุ๋ย เวลา ต้องมีมานะพยายาม ที่สำคัญ ต้องใช้หัวใจดวงโตๆ เดินต่างเท้า จากทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง จึงจะเข้าปักธงชัย ณ ปลายฝันได้ ระหว่างทาง ต้องพร้อมและยอมรับ ความเจ็บ ทุกข์ และความต่าง และอาจมีบ้างต้องล้มลุกคลุกคลาน เปื้อนฝุ่นผงแห่งอุปสรรค แต่อย่างไรก็ตาม นั่นคือบทนำ ก่อนกล่าวเกริ่นสู่ความสำเร็จ .... มักจะมองไม่เห็นใครเลย เกิดมาพร้อมๆ กับความสุขสำเร็จ มักจะมองไม่เห็นใครเลย ที่ได้รับความสำเร็จจากสรวงสวรรค์โดยไม่ได้ลงมือทำ....
ฉะนั้นแล้ว เราต้องเดิน แม้อาจไม่พร้อม อาจจะยังพร่อง แต่ความพร่องของพวกเรา คือสะพานสู่ความพอกพูน เติมเต็มและงดงามในชีวิต...
ด้วยแรงใจที่มุ่งมั่น กอปรกับความบอดใบ้ของการศึกษาที่ผ่านมา พวกเราจึงมีทางเลือก ทางเลือกที่จะหลังพิงฝา โซ้ยหมัดปฏิวัติวิถีคิด วิถีปฏิบัติทางการศึกษากันสักตั้ง มั่นใจนะ มั่นใจว่า ถ้าเหตุปัจจัยเอื้อ พรุ่งนี้เช้า ชัยจะมาเยือน....
ขอเป็นแรงใจให้พี่น้องผองเพื่อนทุกๆคน ทั้งเพื่อนเลโคะ เพื่อนล่องแพ เพื่อนห้วยห้า และอีกหลายๆที่ หลายๆทาง ที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน เป็นกำลังใจให้กันและกันครับ
พิณ คืนเพ็ญ
อบรมฯ โครงการพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ ปฐมบทการขบถวิถีเดิม
15 พ.ค. 56
แง่งาม
ฟ้าหมาดฝน...นานแล้ว
ดินเคยชุ่ม กลายผง... ผากแห้ง
บวบค้าง ตากแดด ลมไหว....โยกโยน
ดอยสูง...ขาวโพลนหม่นเทา...หมอกควัน
โอ...ฤดูกาลชีวิต งามแท้หนอ
แง่งาม...ท่ามภูสูง...ยามนี้
พิณ คืนเพ็ญ
ดินเคยชุ่ม กลายผง... ผากแห้ง
บวบค้าง ตากแดด ลมไหว....โยกโยน
ดอยสูง...ขาวโพลนหม่นเทา...หมอกควัน
โอ...ฤดูกาลชีวิต งามแท้หนอ
แง่งาม...ท่ามภูสูง...ยามนี้
พิณ คืนเพ็ญ
โลกกว้าง
อยากพาเธอ มาเดินเล่น บนดอยบ้าง
เพื่อเปิดทาง โลกใหม่ ให้เจ้าเห็น
ลานดอยกว้าง ต่างแอร์เมือง ที่ฉ่ำเย็น
โลกที่เย็น ด้วยลมลูบ พรมจูบใจ
โลกที่มี มุมใหม่ ที่ใหญ่กว่า
มีหลังคา อิสรา แจ่มดาวใส
มีดวงตา อ่านชีวิต ด้วยตานัยน์
มีนิ้วน้อย ถักทอใย สุนทรียะฯ

คิดถึงลูก อยากให้เธออยู่ใกล้ๆจัง ...อชิรญา
แรงดลใจ จากหนังสือ โต๊ะโตะจัง
พิณ คืนเพ็ญ
ยามเย็น แม่ลิด 14 พ.ค. 56
เสียง
ออกเดิน ย่อมมี รอยเท้าใหม่
จารจด ฝากไว้ บนทรายผืน
พักอั้น กั้นหยุด ชั่วคราวคืน
ครืนครืน ตื่นเต้น เส้นเท้าใจ...
พิณ คืนเพ็ญ
14 พ.ค. 56
แม่ลิด
จารจด ฝากไว้ บนทรายผืน
พักอั้น กั้นหยุด ชั่วคราวคืน
ครืนครืน ตื่นเต้น เส้นเท้าใจ...
พิณ คืนเพ็ญ
14 พ.ค. 56
แม่ลิด
วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
สร้างบล็อกเพื่อการเรียนรู้
โรงเรียนบ้านแม่ลิด ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การสร้างบล็อกสำหรับคณะครู โดยมีนายประหยัด นิลมล ครู วิทยะฐานะ ครูชำนาญการ โรงเรียนไทยรัฐ 33 เป็นวิทยากร
เนื้อหาประกอบด้วย
1. การสมัครใช้งานบล็อก
2. การเขียนบล็อก
3. การเชื่อมโยงเครือข่ายฯ
เว็บไซต์ โรงเรียนบ้านแม่ลิด อบรมครู ให้รู้ สร้างบล็อก
พิณ คืนเพ็ญ
9 พ.ค. 56
เนื้อหาประกอบด้วย
1. การสมัครใช้งานบล็อก
2. การเขียนบล็อก
3. การเชื่อมโยงเครือข่ายฯ
เว็บไซต์ โรงเรียนบ้านแม่ลิด อบรมครู ให้รู้ สร้างบล็อก
พิณ คืนเพ็ญ
9 พ.ค. 56
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)