"ผมยิ้มรับคำท้าทาย
มาสุดสายมรรคาของชีวิต
รอดูผลผลิต แล้วเรามาคุยกัน"
เย็นค่ำหลังจากอบรมฯโครงการอ่านออกเขียนได้ ผมได้พาครูกานท์ เดินทาง เยี่ยมดอยไพร ที่บ้านแม่ลิดป่าเห้ว ที่นั่น มีพี่น้องเราอยู่ เพื่อพูดคุยหลายคน เราถกแถลงกันหลายเรื่อง ตั้งแต่ กะหล่ำ กาแฟ ไก่ หมู ปลา ข้าว บททา โฮมสเตย์ ศูนย์วัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ หลายคนพยายามประเคนนามต่างๆ ศัพท์ต่างๆ เพื่อให้วงเสวนา ได้รับรู้ จนเห็นและรับรู้ได้จริงๆ ว่า ชื่อหรือนามเหล่านั้น จะปิดกั้น การเข้าถึงความจริง งาม ที่อยู่ในนามนั้น ผมคิดว่า เราควรรับฟังชื่อนามเหล่านั้นและไม่ควรใช้เวลากับมันมากนัก แต่กลับต้องใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อเรียนรู้ เข้าใจ แก่นแกน หรือนัยยะที่อยู่ในนามเหล่านั้น ต่างหาก และหากเข้าถึงแก่นแกนอย่างแม่นตรงแล้ว ค่อยมาคุยกัน หรือเพียงยิ้มแย้ม ก็เกินพอที่จะอธิบายสิ่งที่เข้าใจให้ใครต่อใครได้มากโข ....
กาแฟ หากเป็นเพียงแค่ชื่อ เข้าใจในนาม ภาพลักษณ์เก่า ผสมกับภูมิรู้เก่า อาจทำให้เราเข้าใจอะไรเก่าๆ ตามไปด้วย โฮมสเตย์เช่นกัน ถ้าหากชุดความคิดความเข้าใจ ในนาม ของมัน มีเพียงแบบเดิม ก็ไม่เห็นว่าโฮมสเตย์จะแตกต่างอย่างไร กับการจ่ายตังค์ เพื่อซื้อที่ซุกหัวนอน ฉะนั้นแล้วการเห็นเพียงนามก็ไม่ต่างอะไรกับเห็นเพียงเปลือกภายนอก..... ที่ไม่สามารถบอกเนื้อในแก่นแกนแท้จริงได้ว่าเป็นเช่นไร เสียเวลากับการพูดเปลือกอยู่ไย ทำไมไม่เทเวลาหาแกนในซึ่งสำคัญมากกว่า
นี่กระมัง ภูมิรู้อันน้อยนิดของผม กระตุกตัวเองว่า ให้เข้าใจ เรียนรู้ และเห็นความสำคัญในสิ่งนี้ต่างหาก .......
ขอบคุณ เซอบิ ขอบคุณจอกบุปผา ขอบคุณรัตติกาลอันฉ่ำชุ่มด้วยฝนใหม่ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สิ่งที่เป็นหัวใจและแก่นแกนอย่างแท้จริง ผมรับคำท้าแล้ว อีกสามฝน เรามาคุยกัน....
"ผมยิ้มรับคำท้าทาย
มาสุดสายมรรคาของชีวิต
รอดูผลผลิต แล้วเรามาคุยกัน"
ค่ำคืนเสวนา บ้านแม่ลิดป่าเห้ว
พิณ คืนเพ็ญ
17 พ.ค. 56
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น