"...เหยียบให้จำ
ย่ำให้จม ถมให้มิด
กดให้ติด
ชิดดิน ถิ่นต่ำต้อย
ถีบเซซัง
ถางถาก กระชากข้อย
อย่าได้ปล่อย
ลอยหน้าได้ ในเมืองคน
คนสักคน
เดินได้ ก็ล้มได้
อย่าอวดใหญ่
เมื่อเขาล้ม รีบถมถน
อย่าพรวดพราด
ปราดปรี่ ตีตราคน
ดีชั่วจน
ใช่ทนขอ พ่อใครกิน....."
ผมไปติดต่อยืมเงินสวัสดิการจำนวนหนึ่งจาก หน่วยงานต้นสังกัด เพื่อมาสำรองจ่ายค่าประกันชีวิต ตามกรมธรรณ์ของผมและลูกสาว ซึ่งครบกำหนดต้องส่ง ปลายเดือนนี้ มันก็เป็นเงินหลายหมื่นอยู่เหมือนกัน คิดหน้าคิดหลังหลายตลบ ...จึงจบลงด้วยการยืมเงินส่วนนี้ออกมาใช้ก่อน ...ที่เหลือจะใช้จ่ายตามรายทางและความจำเป็นอื่นของชีวิต ....
แต่มีคนคนหนึ่ง เขาทำให้ผมรักตัวผมมากขึ้น เขาทำให้ผมตระหนักรู้และยืนหยัดในเกียรติภูมิของตัวผมเองมากยิ่งขึ้น แม้คำพูดทีเล่นทีจริงของเขาว่า
".... เงินก้อนนี้ ยืมไปจะคืนได้เหรอ... พร้อมหัวเราะเสียงดัง ...."
ผมสะอึกอึ้ง กับคำพูดเช่นนั้น ใจดวงน้อยของผม ถูกลุกลานย่ำเหยียบ เลือดแดงซ่านเต็มหน้า อัตตาตัวกูของกูขึ้นเต็มที่ ผมนับหนึ่ง สอง สาม... จนถึงสามสิบ แล้วยิ้มและรีบเดินออกไปจากวังวนคนใจร้ายเช่นนั้น
ผมไม่คิดโต้ตอบหรือ ทำอะไร.... เพราะผมตระหนักรู้ว่า ชีวิตเขา มันย่อมเป็นของเขา เขามีสิทธิ์คิด พูด ทำอะไรก็ได้ดังใจเขา แต่อย่างน้อย สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ควบคู่ตามมาคือ ทุกคนต้องกันพื้นที่ให้กับความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นด้วยเสมอ ....
.....ใช่สิ ! ในยามจนยาก ทรัพย์สินเงินทอง คุณคงมองถึงได้ เพียงแค่ความฝัน สิ่งสำคัญคือจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐสุด .... ที่แม้จะเขินขาดอาภรณ์หุ้มห่อเนื้อหนัง ก็ยังเปล่งประกายงดงามได้.....
......วันนี้การที่ใครสักคน จะหยิบยืมความเป็นส่วนตัวของเขาออกมาใช้นั้น มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา
...เขาคงคิดพิจารณาดีแล้วหละ อย่างน้อยก็บนพื้นฐานของความจำเป็นและเหมาะสม ฉะนั้นแล้ว แม้แต่คิดทัดทาน ผมก็ยังมองว่ามันมากไป นี่ไม่นับคำถางถาก " จะใช้คืนได้เหรอ.." หรอกนะ มันมากไปจริงๆ มากและสุดวิสัยของคนมีสติปัญญาดีๆ จะคิดได้ และพูดได้ ถ้าหากไม่ พิกลพิการทางจิตวิญญาณอย่างว่า จริงๆ ไม่มีทางจะพรูพรั่งคำพูดเช่นนี้ได้แน่แท้หรอกกระมัง ....
.....มนุษย์เราเอ๋ย .....อย่าย่ำหยามหยันกันเลยนะ เวลาของการอยู่ร่วมกันของพวกเราช่างน้อยนิด ไม่เกินร้อยปีก็ตายจาก ...คุณอยากให้การตายจากคือการสาบสูญของทุกสิ่งกระนั้นหรือ ...ผมว่าไม่เป็นธรรมนะ อย่างน้อย สิ่งที่ควรเกิดใหม่เพื่อถ่ายเทจากการล้มหายตายจาก น่าจะเป็นจิตวิญญาณอันงดงามและคุณความดีของมวลมนุษย์ที่ได้ร่วมกันกระทำ ณ ห้วงยามที่ได้อยู่ร่วมโลกเดียวกัน
...... ผมยิ้มหวานพร้อมๆ กับการปฏิเสธ เงินอนาคตของผมก้อนนั้น อย่างน้อย มันก็ไม่ควรได้มา ด้วยการที่ใครสักคนไม่เห็นค่าคนเหมือนกัน.... เพราะเงินเรือนแสนเรือนล้าน ก็ไม่สามารถซื้อขายจิตวิญญาณของความเป็นคนได้จริงๆ
.....จากนี้ไป กองทุนนี้ ผมจะฝาก ฝากและไม่คิดจะหยิบยืมแม้แต่สตางค์แดงเดียว ...อย่างน้อยก็อยากให้รู้ไว้ว่า อย่าว่าแต่ยืมเลย ฝากโดยไม่ยืมผมก็ทำได้
อย่างน้อย มันก็สอนให้ผมร่ำรวยด้วยเกียรติภูมิและจิตวิญญาณ หลังเดินออกจากห้องหับคับแคบเยี่ยงนั้น สุขใจ....อย่างประหลาด
พิณ คืนเพ็ญ
18 เมษายน 56
18 เมษายน 56
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น